Connect with us

ข้อกฎหมายเกี่ยวกับ Cryptocurrency ในประเทศไทย

มีการประกาศถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในประเทศไทย

Digital Asset

Cryptocurrency หรือคริปโตเคอเรนซีนั้นยังไม่ถือว่าเป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมายในประเทศไทย แต่ในทางกลับกันจะถือว่าเป็น “Digital Asset” หรือ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ที่ซึ่งครอบคลุมคริปโตเคอเคนซีและโทเคนดิจิทัล

คริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) คือสกุลเงินที่มีการเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์ โดยสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการใด ๆ ที่ผู้ให้บริการรองรับ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนมูลค่าของคริปโตเคอเรนซีด้วยกันเอง (สกุลหนึ่งแปลงเป็นอีกสกุลหนึ่ง) ซึ่งยังไม่มีการประมูลว่าสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นทั่วโลก

โทเคนดิจิทัล (Digital Token) คือรูปแบบหนึ่งของคริปโตเคอเรนซี แต่ที่มาของมันจะแตกต่างกัน โดยโทเคนดิจิทัลจะสร้างขึ้นเพื่อกำหนดว่าบุคคลได้ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมลงทุน (Investment Token) หรือสิทธิในการใช้ชำระสินค้าและบริการตามเงื่อนไขของผู้ออกโทเคน (Utility Token) ซึ่งการแจกจ่ายโทเคนดิจิทัลจะดำเนินผ่านการระดมทุน Initial Coin Offering (ICO)

จุดเด่น

    • พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561
    • พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล ครอบคลุม Cryptocurrency, Investment Token และ Utility Token
    • ข้อกฎหมายดังกล่าวประกาศเพื่อบังคับใช้สำหรับผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักลงทุน

กฎหมายและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับ Cryptocurrency ในประเทศไทย

มีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าด้วย “พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ “พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 โดยมีจุดมุ่งหมายในการกำกับดูแลการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในวงกว้าง

อยู่ภายใต้การควบคุมและได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดย พ.ร.ก. ได้กำหนดระเบียบข้อบังคับทั้งหมด 8 หมวดด้วยกัน ดังนี้

หมวดที่ 1 และ 2 ประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น “สินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ “Digital Asset” ที่ระบุไว้ใน พ.ร.ก. นี้ ได้แก่ คริปโตเคอเรนซีและโทเคนดิจิทัล ซึ่งมีการระบุเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อยกเว้นที่ไม่ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลคือ “หลักทรัพย์” ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้น ถึงแม้ว่าจะอยู่ในรูปแบบของสินทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้ พ.ร.ก. ฉบับนี้ เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนของกฎหมายและแยกประเภทอย่างชัดเจน

อีกทั้งยังกำหนดกิจกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ได้แก่ การระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) และการให้บริการเป็นตัวกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange, Broker, Dealer, Advisory Service และ Fund Manager​)

หมวดที่ 3 การเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน
การเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนผ่านการการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO) โดยผู้เสนอขายได้ทำการออกโทเคนไว้แล้วและจะทำการเสนอขายต่อประชาชน ซึ่งผู้เสนอขายนั้นจะต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และมีคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขอย่างถูกต้องตามร่างกฎหมาย ได้แก่ จะต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชน รวมทั้งต้องยื่นเอกสารที่แสดงรายละเอียดทั้งหมดของการเสนอขายแบบ ICO และต้องมีร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ให้มีการพิจารณาเห็นชอบกับข้อเสนอด้วยเช่นกัน

มีการกำหนดข้อบังคับภายหลังที่มีการเสนอขายไปแล้วด้วยเช่นเดียวกัน ได้แก่ จัดทำและส่งรายงานเกี่ยวกับผลดำเนินงาน รวมถึงฐานะการเงินของบริษัทผู้เสนอขาย และข้อมูลเกี่ยวกับราคาตลาดของโทเคนดิจิทัล เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือครองโทเคนดิจิทัล

หมวดที่ 4 การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลตาม พ.ร.ก. ฉบับนี้ ได้แก่

1. ​ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) คือตลาดแลกเปลี่ยนที่อยู่ในรูปแบบของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทางออนไลน์ ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยอาจเป็นการจับคู่สัญญาหรือแม้แต่การที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันเองก็ได้เช่นเดียวกัน

2. นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Broker) คือบุคคลที่ให้บริการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแก่บุคคลอื่น โดยจะได้รับค่าธรรมเนียมหรือค่าตอบแทนเป็นรายได้

3. ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) คือบุคคลที่ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในนามของตนเอง โดยไม่ได้ทำการซื้อขายผ่าน Exchange หรือ Broker

4. ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล (Advisory Service) คือบุคคลที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุนหรือคุณค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลก็ตาม แต่ทั้งนี้ต้องไม่เป็นการแนะนำที่ชักจูงไปสู่การซื้อขายกับ Exchange, Broker หรือ Dealer ใด ๆ

5 ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Fund Manager) คือบุคคลที่สามารถจัดการเงินทุนให้แก่บุคคลอื่นได้ในการรับผลประโยชน์จากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยผู้ที่จะสามารถประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้นั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ด้วยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งจะต้องทำการร่างหนังสือยื่นขออนุญาตที่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ ที่ทางรัฐมนตรีกระทรวงการคลังกำหนด และหากได้รับอนุญาตจากทางรัฐมนตรีกระทรวงการคลังแล้วนั้น ทาง ก.ล.ต. จะทำการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก. ฉบับนี้

หมวดที่ 5 การเลิกประกอบธุรกิจ การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และการห้ามการทำธุรกรรม
1. การเลิกประกอบธุรกิจ
สามารถทำได้โดยการยื่นขอเลิกประกอบธุรกิจต่อรัฐมนตรีกระทรวงการคลังผ่านทางคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งภายหลังจากการยื่นขอเลิกประกอบธุรกิจนั้น ผู้ประกอบฯ ต้องทำการจัดการรายการที่ค้างภายในแพลตฟอร์มทั้งหมดภายในระยะเวลาที่ทาง ก.ล.ต. กำหนด

2. การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
การเพิกถอนใบอนุญาตจะเป็นอำนาจของทาง ก.ล.ต. หากมีการละเมิดข้อตกลงใด ๆ ในรายละเอียดการขออนุญาตประกอบธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ประกอบธุรกิจไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่ ก.ล.ต. กำหนด (เปิดให้บริการช้าหรือปิดตัวช้ากว่ากำหนด) ฐานะทางการเงินของธุรกิจสร้างความเสียหายแก่การลงทุนของประชาชน ถึงแม้ ก.ล.ต. จะเล็งเห็นว่าสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้แต่ผู้ประกอบฯ กลับเพิกเฉย และรวมไปถึงกรณีที่แก้ไขไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีอาจมีคำสั่งผ่านทาง ก.ล.ต. ให้เพิกถอนใบอนุญาตได้

3. การห้ามการทำธุรกรรม
ในกรณีที่การทำธุรกรรม การดำเนินกิจการ หรือการดำเนินการผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบการเงินหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศห้ามการทำธุรกรรมได้

หมวดที่ 6 การป้องกันกิจกรรมอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

1. False Dissemination: ห้ามเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จที่อาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดที่เกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัล หรือราคาสินทรัพย์ดิจิทัล

2. Insider Trading: ห้ามเปิดเผยข้อมูลภายในเกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยไม่รับอนุญาตจากผู้เสนอขาย ไม่ว่าด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม

3. Front Running: ห้ามไม่ให้ Broker ทำการซื้อขายตัดหน้าลูกค้า หรือเปิดเผยคำสั่งซื้อของลูกค้าแก่บุคคลอื่น
Market Manipulation: ห้ามสร้างคำสั่งซื้อขาย หรือซื้อขายต่อเนื่องกันเป็นปริมาณมาก โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

หมวดที่ 7 อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่
พนักงานเจ้าหน้าที่จะมีอำนาจในการตรวจสอบและเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมไปถึงอำนาจยึดหรืออายัด สินทรัพย์ เอกสารหลักฐาน หรือระบบคอมพิวเตอร์ หากพบว่ามีการกระทำผิดตาม พ.ร.ก. ฉบับนี้ และนอกจากนี้ยังมีอำนาจในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศเพื่อตรวจสอบข้อมูลระหว่างกันหากพบผู้กระทำผิดกฎหมายที่จากประเทศผู้ร้องขอ รวมไปถึงการส่งมอบหลักฐานต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกัน

หมวดที่ 8 และ 9 บทกำหนดโทษทางอาญาและมาตรการลงโทษทางแพ่ง
พ.ร.ก. ฉบับนี้ได้กำหนดโทษทางอาญาเป็นการลงโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยฐานความผิดและอัตราโทษจะเทียบเคียงกับ พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในขณะเดียวกันนั้นมาตรการโทษทางแพ่งจะใช้ประมวลกฎหมายมาตรา 96 มาใช้ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทั้งหมด ที่นี่

หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

มีการกำหนดให้ตัวกลางในการซื้อขาย ได้แก่ Exchange, Broker และ Dealer จะต้องมีคุณสมบัติและหน้าที่ต่อลูกค้า ดังนี้

– จะต้องมีคุณสมบัติในการจัดการกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างรัดกุม ผู้บริการและบุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องมีประวัติโปร่งใส รวมไปถึงความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

– หน้าที่ต่าง ๆ ดังนี้

  • ระบบระบุตัวตนของลูกค้า (KYC)
  • เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ได้แก่ ช่องทางการติดต่อ เงื่อนไขการบริการ สิทธิและหน้าที่ลูกค้า
  • มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ
  • ประเมินความเหมาะสมในการลงทุนแก่ลูกค้า
  • มีข้อตกลงที่ชัดเจนเรื่องความรับผิดชอบต่อความเสียหายจากการบริการ
  • Broker หรือ Dealer ต้องให้บริการลูกค้าด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุดเท่านั้น

“เนื่องจากเป็นหน่วยการลงทุนใหม่ ดังนั้นคุณต้องคอยสังเกตเสมอว่ามีประกาศออกมาใหม่หรือไม่”

หลักเกณฑ์การระดมทุนด้วยการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (Initial Coin Offering: ICO)

1. ต้องผ่านเงื่อนไขคัดกรองโดย ICO Portal ว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่
2. ยื่นหนังสือชี้ชวนต่อ ก.ล.ต. ที่ระบุรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับ ICO
3. ก.ล.ต. พิจารณาการอนุญาตภายใน 60 วันหลังจากยื่นรายละเอียดครบถ้วน
4. เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ต้องเสนอขายโทเคนดิจิทัลผ่าน ICO Portal ภายใน 6 เดือน

โดยสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนใน ICO นั้นสามารถลงทุนได้ตั้งแต่ ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ นิติบุคคล และรวมไปถึงนักลงทุนรายย่อยด้วยเช่นเดียวกัน

กฎหมายสำหรับนักลงทุนมีเพียงการหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

หลักเกณฑ์การเก็บภาษีจากรายได้ใด ๆ ที่เกิดจากการค้าหรือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องเป็นไปตามหลักการภาษีทั่วไป ตามที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาและประมวลรัษฎากรฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดให้มีการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% โดยทั่วไปแล้วผู้เสียภาษีแต่ละรายจะต้องรวมรายได้ดังกล่าวไว้ในผลตอบแทนประจำปี แต่ในทางกลับกันสำหรับนิติบุคคลนั้นจะไม่มีกฎหมายกำหนดอัตราภาษี

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีประกาศว่าจะควบคุมคริปโตเคอเรนซีประเภท Stablecoin ทั้งหมดเพื่อการปกป้องนักลงทุนจากการขาดทุนหรือผู้กระทำผิดจากธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และนอกจากนี้ทาง ธปท. ก็อยู่ในขั้นตอนพัฒนาคริปโตเคอเรนซีของธนาคารกลางเพื่อรายย่อย (Retail Central Bank Digital Currency: CBDC) เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนทั่วไป รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการภาคธุรกิจ และเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินอีกด้วย ซึ่งเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมานี้ทาง ธปท. เข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 ของกระบวนการพัฒนาคริปโตเคอเรนซีกับทาง CBDC แล้ว

นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2564 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแห่งประเทศไทย (AMLO) ได้เริ่มกำหนดให้การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลใด ๆ จะต้องมีการยืนยันตัวตนของลูกค้าผ่านเครื่อง “dip-chip” ที่ระบุให้ลูกค้าต้องแสดงตัวก่อนเปิดบัญชีคริปโตเคอเรนซีหรือทำธุรกรรมใหม่ สำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป ข้อมูลติดต่อ วันเดือนปีเกิด และที่อยู่อาศัย ตลอดจนหลักฐานแสดงตัวตน อาชีพ สถานที่ทำงาน รวมไปถึงชื่อและลายเซ็นของผู้ทำธุรกรรมจะต้องถูกบันทึกไว้ โดยข้อมูลดังกล่าวขอลูกค้านั้นจะต้องได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี โดยผู้เชี่ยวชาญมีหน้าที่เพิ่มเติมเล็กน้อยในการรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย หรือธุรกรรมที่เป็นเงินสดมูลค่า 2,000,000 บาทขึ้นไป ซึ่งในข้อกำหนดต่าง ๆ นั้นทางสมาคมการค้าผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งประเทศไทย ได้ส่งเสริมให้มีการสนทนากันระหว่างตัวกลางซื้อขาย สำนักงาน ก.ล.ต. และทาง AMLO อยู่เสมอหากมีกฎระเบียบใด ๆ เข้ามาเพิ่มเติม

ประเภทของประกันรถยนต์

ประกันชั้น 1

เพิ่มเติม

ประกันชั้น 2+

เพิ่มเติม

ประกันชั้น 3+

เพิ่มเติม

พ.ร.บ.รถยนต์

เพื่มเติม

ทิปดีๆ เกี่ยวกับประกันรถยนต์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันรถยนต์

เพิ่มเติม

วิธีคำนวนเบี้ยประกันรถยนต์

เพิ่มเติม

ทำอย่างไรให้ได้เบี้ยประกันลดลง

เพิ่มเติม

ประกันที่เหมาะกับมือใหม่

เพิ่มเติม

หลังเกิดอุบัติเหตุรถชน ควรทำอย่างไร

เพิ่มเติม

เมาแล้วขับ

เพิ่มเติม

ไม่เคลม รับส่วนลดเบี้ยประกัน

เพิ่มเติม

รถมีประกันหรือเปล่า

เพิ่มเติม

ทิปดีๆ เกี่ยวกับประกันรถยนต์

บริการรถใช้ระหว่างซ่อม

เพิ่มเติม

ปัญหาสุขภาพกับการขับรถ

เพิ่มเติม

ประกันภัยรถยนต์หลายคัน

เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์สำหรับวัย 50 ปีขึ้นไป

เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์เปิดปิด

เพิ่มเติม