ทำความรู้จักกับ Shiba Inu (SHIB)
มีมโทเคนที่ต้องการเป็นมากกว่าแค่มีมโทเคน
มีมโทเคนที่ต้องการเป็นมากกว่าแค่มีมโทเคน
Shiba Inu มีจุดเริ่มต้นมาจากการทดลองให้เป็นเครือข่าย Blockchain แบบ “เบาเสมอง” โดยเน้นไปที่การกำกับดูแลชุมชนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งโครงการนี้ได้พยายามอย่างหนักที่จะสร้างความแตกต่างจาก Dogecoin และ Memetokens อื่น ๆ ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่ไม่เหมือนใครเรียกว่า “Three-Token” รวมไปถึงกรณีใช้งานที่ระบุไว้อย่างชัดเจน โดยระบบดังกล่าวมีสามโทเคนที่ชื่อว่า BONE, LEASH และ SHIB ที่พัฒนาขึ้นด้วยมาตรฐานโทเคน ERC-20 อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกันได้บน Decentralized Exchange (DEX) ที่ถูกพัฒนาขึ้นในชื่อ “ShibaSwap” รวมไปถึงโครงการการกุศลทั่วทั้งชุม และโครงการบ่มเพาะ NFT อีกด้วย นอกจากนี้โครงการดังกล่าวก็ได้รับการเสนอข่าวไปทั่วโลก หลังจากที่มูลค่าของโทเคน SHIB ได้พุ่งสูงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งถือเป็นกลเม็ดการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่โทเคนได้เหมือนกับที่ Vitalik Buterin เคยได้ทำเมื่อครั้งริเริ่มโครงการ Ethereum อีกด้วย
ความนิยมของ Dogecoin ได้รับอิทธิพลมาจากบรรดานักลงทุนและผู้คนที่ให้ความสนใจจากทั่วโลก โดยทีมนักพัฒนาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้ริเริ่มการจำลองความสำเร็จของ Dogecoin ด้วยโครงการที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งในจักรวาลของ Memetokens ที่ได้ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ นั้นและ Shiba Inu เองก็ได้กลายเป็นผู้ที่มีมาตรฐานที่คาดไม่ถึงท่ามกลาง Memetokens อื่น ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลในจาก Dogecoin ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งนอกเหนือจากการสนับสนุนมาสคอตสุนัขที่น่ารักเหมือนกันแล้วนั้น โครงการของ Shiba Inu ก็มีความคล้ายคลึงกับ Dogecoin อีกเล็กน้อยในแง่ของเศรษฐศาสตร์โทเคน (Tokenomics) และจุดมุ่งหมายที่วางเอาไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ Shiba เริ่มต้นจากการทดลองการเป็นเครือข่าย Blockchain แบบเบาสมอง ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลชุมชนอย่างเต็มรูปแบบแต่ไม่เป็นทางการ นอกจากนี้โครงการได้พยายามอย่างจริงจังที่จะสร้างความแตกต่างจาก Dogecoin และโครงการ Memetoken อื่น ๆ ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่หลากหลาย พร้อมกรณีใช้งานที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในเอกสาร “Woof Paper” (เป็นการเล่นคำล้อเลียนเอกสาร White Paper ของคริปโตส่วนใหญ่) โดยมีเหตุผลหลัก 3 ประการที่ระบุไว้ภายในเอกสาร Woof Paper ได้แก่ “เราเริ่มจากศูนย์”, “แนวคิดอันชาญฉลาดมาจากทีมพัฒนาไม่เคยร่วมงานกับที่ไหนมาก่อน” และ “เรารักสุนัข Shiba Inu”
ทั้งนี้เป้าหมายปัจจุบันของ Shiba คือการเพิ่มการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้งานผ่านวิธีการต่าง ๆ ดังนี้:
ShibaSwap
ShibaSwap คือการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Exchange: DEX) ที่กำลังพัฒนาโดย Shiba Inu และโครงการนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า Shiba Inu มีความปราถนาที่จะเป็นมากกว่าแค่ Memetokens
ShibaSwap ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ในการแลกเปลี่ยนคริปโตแบบกระจายอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้เมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่เล็กน้อยว่า DEX นี้จะความแตกต่างจากแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในตลาดอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ ShibaSwap ยังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบความปลอดภัย การตรวจสอบระบบทั้งหมด และการอัปเดตขั้นสุดท้าย
Community Charity
Community Charity หรือองค์กรการกุศลของชุมชน โดยบรรดาตัวแทนที่สำคัญของชุมชน Shiba มีความมุ่งมั่นที่จะบริจาครายได้ส่วนหนึ่งที่ได้จากฟีเจอร์ “Amazon Smile” ของ Amazon ให้กับ Shiba Inu Rescue Association ซึ่งเป็นแคมเปญที่จัดขึ้นเพื่อรวบรวมเงินบริจาค ในการช่วยเหลือสุนัขชิบะอินุที่มีชีวิตจริงร่วมกับสมาคมกู้ภัยชิบะอินุ โดยผู้ใช้บริการซื้อขายของ Amazon สามารถเลือกองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ต้องการบริจาคได้โดยอัตโนมัติจากการซื้อในแต่ละครั้ง
Artist Incubator
Artist Incubator หรือโครงการบ่มเพาะศิลปินในตลาด NFT โดยโครงการ Shiba มีความตั้งใจที่จะเปิดตัวตลาด NFT ด้วยการสนับสนุนจากศิลปินหลากหลายประเภท จากหลากหลายแนวและสไตล์ที่สร้างสรรค์ ในขณะนี้มีศิลปินมากมายได้ร่วมลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในโครงการริเริ่มของชุมชนนี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปของการพัฒนาก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยเพิ่มเติม
จากกรณีใช้งานข้างต้น เห็นได้ชัดว่าโครงการ Shiba Inu มีแรงบันดาลใจในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี รวมไปถึงความคิดริเริ่มของชุมชนที่ก้าวล้ำมากกว่าการเป็นแค่มีม แต่อย่างไรก็ตามการพุ่งสูงขึ้นของราคาอย่างมากนั้นก็ได้รับอิทธิพลมาจากการเก็งกำไรและพฤติกรรม FOMO ของบรรดานักลงทุนเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องปกติของคริปโตก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพูดถึงการเคลื่อนไหวของราคา Memetoken เช่น Dogecoin และ SHIB ที่จะเน้นไปยังเรื่องของการดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ให้เข้ามาลงทุน นอกจากนี้โทเคน SHIB ก็ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องดังกล่าวอย่างโดดเด่น โดยจนถึงปัจจุบัน ณ เดือนสิงหาคม 2021 มีสถิติการถือครองโทเคน SHIB ไว้ใน Wallet มากกว่า 400,000 บัญชีด้วยกัน
SHIB ถือเป็นส่วนหนึ่งของคริปโตที่มีธีมสุนัขหรือเรียกว่า “Dog Memetoken” ซึ่งรวมถึง Baby Dogecoin (BabyDoge), Dogecoin (DOGE), JINDO INU (JIND), Alaska Inu (LAS) และ Alaskan Malamute Token (LASM) นอกจากนี้ตามเว็บไซต์ของ Shiba Inu ระบุว่ามันเป็นโทเคน “Dogecoin Killer” อีกด้วย
ในขณะที่หลายคนสันนิษฐานว่าโครงการ Shiba Inu ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 เพื่อเป็นการตอบสนองโดยตรงต่อการเติบโตของตลาด Dogecoin ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ความเป็นจริงแล้วโครงการนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2020 ในเดือนสิงหาคม โดยบุคคลนิรนามที่ใช้นามแฝงว่า “Ryoshi” ได้เริ่มต้นการพัฒนาโครงการ Shiba Inu ขึ้นบนเครือข่าย Ethereum Blockchain ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าที่เลือกเครือข่ายดังกล่าวเป็นเพราะว่า Ethereum เป็นเครือข่าย Blockchain ที่สามารถตั้งโปรแกรมได้มากที่สุดในโลก ที่มาพร้อมกับเครดิตด้านระบบความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้การใช้เทคโนโลยีของ Ethereum ในการสร้างระบบนิเวศของ Shiba Inu นั้นมีโทเคนที่แยกออกจากกันถึง 3 โทเคน แต่มันสามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมดภายในระบบนิเวศเดียว
โทเคนหลักของโครงการ Shiba Inu คือ “SHIB” ซึ่งเป็นโทเคนตามมาตรฐานโทเคน ERC-20 ที่มีอุปทานสูงสุดของโทเคนอยู่ที่ 1 พันล้านโทเคนด้วยกัน นอกเหนือจากโทเคน SHIB แล้วก็ยังมีโทเคน “LEASH” และโทเคน “BONE” ที่ทั้งสามจะทำงานร่วมกันได้ภายใต้ระบบนิเวศเดียวกัน โดยในส่วนของบทบาทหน้าที่ของแต่ละโทเคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งในตอนแรกโทเคน LEASH นั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เป็นโทเคนที่เรียกว่า “Rebase” โดยกำหนดให้มีมูลค่าตลาดที่ยืดหยุ่นจากการตรึงมูลค่ากับราคาของ Dogecoin แต่ท้ายที่สุดแล้วทางทีมพัฒนาก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนโทเคน LEASH ให้เป็นโทเคน ERC-20 ปกติทั่วไปที่มีอุปทานสูงสุดอยู่ที่ 107,647 โทเคน และในขณะเดียวกันโทเคน BONE ของโครงการ Shiba Inu นั้นมีจุดมั่งหมายเพื่อใช้เป็นโทเคนกำกับดูแล (Governance Token) ของระบบนิเวศ โดยผู้ใช้จะสามารถปรับขนาดอำนาจในมือด้วยสัดส่วนการถือครองโทเคน BONE ที่ใช้สำหรับการโหวตได้อีกด้วย
“อุปทานทั้งหมดของ SHIB ถูกแบ่งให้กับ Uniswap และ Vitalik อย่างละครึ่ง”
หากพิจารณาระบบเศรษฐศาสตร์โทเคน (Tokenomics) ของโครงการ Shiba Inu อย่างถี่ถ้วนนั้นจะเห็นว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุปทานหมุนเวียนของ SHIB ในช่วงเปิดตัวได้ถูกจัดสรรเป็น 2 ส่วน โดยทางทีมพัฒนาของโครงการได้ทำการล็อคโทเคนจำนวน 50% ของอุปทานทั้งหมดไว้ใน Uniswap และทำลายคีย์ทิ้งไป เพื่อสร้างรากฐานถาวรให้แก่สภาพคล่องในตลาด SHIB ซึ่งในส่วนที่เหลือ 50% นั้นทางทีมงานได้ทำการส่งโทเคน SHIB ทั้งหมดไปยัง ERC-20 Wallet ของ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum หมายความว่าทางทีมงานได้แจก Airdrop ให้กับ Vitalik Buterin ด้วยโทเคน SHIB ซึ่งความพยายามที่กล้าหาญและแปลกใหม่นี้มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน เพื่อเป็นกลไกการเผาทำลายที่ไม่เป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นกลอุบายทางการตลาดที่ดีอีกด้วย เนื่องจากไม่มีโทเคนที่สงวนไว้สำหรับผู้ก่อตั้งและทีมพัฒนาของโครงการ Shiba Inu ที่โดยปกติแล้วนั้นไม่ว่าจะโครงการใดก็ตาม มักจะมีการจัดสรรโทเคนจำนวนหนึ่งเพื่อสงวนให้แก่บุคคลสำคัญของโครงการเสมอ และด้วยแนวทางที่ไม่เหมือนใครนี้ทำให้ทีมพัฒนาของ Shiba เชื่อมั่นว่า พวกเขาได้ดำเนินการเปิดตัวโทเคนในรูปแบบใหม่ที่มีความยุติธรรมและเปิดกว้าง ซึ่งแน่นอนว่าการเปิดตัวโทเคนด้วยวิธีดังกล่าวได้กลายเป็นพาดหัวข่าวไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้โครงการ Memetoken อื่น ๆ หลายโครงการที่ทำการส่ง Airdrop ให้กับ Vitalik Buterin ในรูปแบบเดียวกันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สมมติฐานที่ทางทีมพัฒนาได้ตั้งเอาไว้ว่า Vitalik Buterin คงไม่แตะต้องโทเคน SHIB ที่เขาได้รับ แต่สุดท้ายแล้วสมมติฐานนั้นก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา Vitalik Buterin ได้ทำการบริจาค 10% ของโทเคน SHIB ที่เขามีให้กับกองทุน India Crypto Covid Relief Fund ที่สร้างขึ้นโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Polygon โดยโทเคนที่เขาได้บริจาคในขณะนั้นมีมูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ด้วยกัน และมันได้กลายเป็นพาดหัวข่าวในทันทีว่า เป็นหนึ่งในกิจกรรมการกุศลที่ใหญ่ที่สุดที่จ่ายด้วยคริปโต นอกจากนี้ในวันเดียวกัน Vitalik ยังได้ทำการขาย Memetoken อื่น ๆ อีกหลายตัวที่ถูก Airdrop ให้เขา อีกทั้งยังนำเงินจำนวนที่ได้จากการขายไปบริจาคให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้จึงส่งผลให้ราคาของ SHIB ได้ลดลงอย่างมากหลังจากการขายของ Vitalik
จากนั้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2021 Vitalik ได้ทำการเผาโทเคน SHIB ส่วนที่เหลือของเขาประมาณ 410 ล้านล้านโทเคน หรือประมาณ 41% ของจำนวนอุปทานทั้งหมดของโทเคน SHIB และได้ทำการฝากข้อความไว้ในธุรกรรมว่า เขาจะบริจาคโทเคน SHIB ที่ถือครองอยู่ให้กับองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหากำไรในภายหลัง ในขณะเดียวกันนี้เหล่าแฟนคลับของโปรเจค Dog Memetoken ก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวของ Vitalik แต่อย่างไรก็ตาม Vitalik ยืนยันว่าเขายังคงมีความชื่นชมต่อชุมชนการกุศล Memetoken อย่าง Shiba Inu ที่มีต่อสาธารณชนสำหรับความเอื้ออาทรและความกระตือรื้อร้นที่ต้องการให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ Vitalik ยังเรียกร้องให้โครงการต่าง ๆ ยุติการส่ง Airdrop โทเคนให้แก่เขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเขาเน้นย้ำถึงความสำคัญในการหลีกเลี่ยงการกระทำที่เรียกว่า “Kingmaker” ที่จะส่งผลให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีอำนาจในการสร้างหรือทำลายโครงการเกี่ยวกับ Blockchain ได้
มูลค่าตามราคาตลาดขณะนี้อยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านบาท จัดอยู่ในอันดับ 56
ความสนใจที่โครงการ Shiba Inu ได้รับอย่างมากนั้น เนื่องมาจากจุดมุ่งหมายของความเอื้ออาทรและความกระตือรื้อร้นที่ต้องการให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามสำหรับความผันผวนของราคา SHIB ก็ยังคงมีอยู่เป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตลาด Memetoken ที่มักเกิดขึ้นรุนแรงกว่าคริปโตรูปแบบอื่น ๆ แต่ทั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโครงการ Shiba Inu ยังคงดึงดูดผู้ติดตามเข้ามาเป็นจำนวนมากอย่างกระตือรือร้นอยู่เสมอ ซึ่งพิสูจน์ได้จากมูลค่าตามราคาตลาดที่สูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์ด้วยกัน (ประมาณแสนล้านบาท) ทั้งนี้ทีมพัฒนากำลังทำงานเพื่อมุ่งสู่แผนงานสำคัญที่อาจส่งผลต่อการทำงานในระยะยาว รวมไปถึงคุณค่าต่อระบบนิเวศโดยรวมของคริปโตทั้งหมดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการเป็นเจ้าของโทเคนธีมสุนัขที่น่ารักอย่าง SHIB ได้โดยตรงจากตลาดหลักอย่าง ShibaSwap นอกจากนี้ยังสามารถซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในตลาดแลกเปลี่ยนรองได้เช่นเดียวกันกับคริปโตตัวอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น Crypto.com, Binance, Kraken, Uniswap.v2 และ FTX เป็นต้น