6 คริปโตที่เน้นความเป็นส่วนตัว (Private Cryptocurrency)
ให้คุณได้ทำธุรกรรมที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวระดับสูง
ให้คุณได้ทำธุรกรรมที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวระดับสูง
ในปัจจุบันนี้คริปโตถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องด้วยปัจจัยหลายประการด้วยกัน รวมไปถึงความเป็นส่วนตัวและการไม่เปิดเผยชื่อของผู้ที่ทำธุรกรรม โดยมีความสามารถที่จะช่วยให้ผู้ใช้ปกปิดตัวตนและการทำธุรกรรมของตนเองได้ ซึ่งการไม่เปิดเผยตัวตนของคริปโตในยุคแรก ๆ ที่มีเพียง Bitcoin ให้เลือกใช้เท่านั้น แต่ผู้ใช้เองก็พยายามที่จะมองหาตัวเลือกใหม่อยู่เสมอ
โดยเราจะมาดูคริปโตที่เน้นความเป็นส่วนตัวที่เป็นที่นิยมมากในขณะนี้ ซึ่งแต่ละสกุลก็มีคุณสมบัติในตัวหลายอย่าง ที่มีจุดมุ่งหมายในการนำเสนอตัวเลือกด้านความปลอดภัย อีกทั้งยังได้รับการปรับปรุงให้ช่วยปกปิดข้อมูลและกิจกรรมของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
Monero (XMR) เป็นคริปโตที่มีความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมากในปัจจุบัน เนื่องจากความสามารถในการช่วยให้การระบุตัวตนในการทำธุรกรรมนั้นเป็นไปได้ยากมากที่จะทำการติดตาม เพราะหลักการทำงานของมันใช้ระบบที่เรียกว่า “Ring Signature” และแอดเดรสแบบพรางตัว ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะช่วยซ่อนตัวตนของผู้ส่งและผู้รับได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบที่เรียกว่า “Ring Confidential Transactions” หรือ “RingCT” ที่จะเป็นการซ้อนปริมาณธุรกรรม ซึ่งจะช่วยปกปิดจำนวนเงินจริงในประวัติธุรกรรมได้เช่นเดียวกัน
Zcash (ZEC) นั้นได้ให้คำจำกัดความตัวเองว่า “หาก Bitcoin เปรียบได้กับ http แล้วนั้น สำหรับ Zcash ก็คือ https” โดยจะเน้นไปที่คุณสมบัติด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ซึ่ง Zcash ได้ใช้โปรโตคอลเครื่องมือการเข้ารหัสที่เรียกว่า Zero-Knowledge Proof* อีกทั้งยังเพิ่มตัวเลือกให้แก่ผู้ใช้งานในการป้องกันการทำธุรกรรมอีกด้วย โดยจะเป็นการปกปิดแอดเดรสของตนเองไม่ให้ผู้อื่นทราบ นอกจากนี้โปรโตคอล Zero-Knowledge Proof นั้นสามารถทำให้จำนวนธุรกรรมดูคลุมเครือจนไม่สามารถแยกออกได้ว่าอันไหนคือรายการจริงได้อีกด้วย
*Zero-Knowledge Proof คือกระบวนการยืนยันข้อมูลระหว่างผู้ยื่นข้อมูลและผู้ตรวจสอบ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังใด ๆ ให้ผู้ตรวจสอบทราบ โดยผู้ตรวจสอบแค่ต้องมั่นใจว่าผู้ยื่นมีความรู้เรื่องดังกล่าวจริง ถึงแม้จะไม่อาจทราบได้ว่าผู้ยื่นรู้ด้วยวิธีใด
“ปกปิดตัวตนในการทำธุรกรรมอย่างสมบูรณ์แบบด้วย Private Crypto”
DASH ถูกสร้างขึ้นในปี 2014 ซึ่งเป็นคริปโตที่อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้ว่า ธุรกรรมของพวกเขาจะไม่ได้รับการเปิดเผยตัวตนและสามารถปกปิดความเป็นส่วนตัวได้ โดยจะใช้คุณสมบัติของระบบ PrivateSend ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ที่ต้องการคงอยู่ภายใต้มาตรฐานกำกับดูแลของหน่วยงานในประเทศ แต่ก็ยังสามารถบดบังที่มาของเงินที่ได้รับได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการเลือกใช้คุณสมบัติ PrivateSend นั้นจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ DASH ได้บรรลุเป้าหมายหลักด้วยการทำงานผสมผสานระหว่างโปรโตคอลภายในกับการใช้นวัตกรรมใหม่ของเซิฟเวอร์ที่เรียกว่า Masternode บนเครือข่ายกระจายศูนย์อำนาจ (Decentralized) อีกด้วย
ความเป็นส่วนตัวระดับสูงที่มาพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด
Horizon (ZEN) นั้นจะมีหลักการทำงานในการป้องกันความเป็นส่วนตัวของแอดเดรสผู้ใช้งาน โดยจะมี Z-Address ที่เป็นเหมือนแอดเดรสส่วนตัว และ T-Address ที่เป็นเหมือนแอดเดรสสาธารณะซึ่งมันทำงานคล้ายกับ Bitcoin โดยแอดเดรสของผู้ที่ใช้ ZEN ทำธุรกรรมจะเป็น Z-Address ในส่วนของแอดเดรสปลายทางที่ต้องการส่งเงินนั้นจะเป็น T-Address
แต่อย่างไรก็ตามการส่งเงินจาก Z-Address ไปยัง T-Address ก็ยังคงแสดงจำนวนเงินบนประวัติธุรกรรมอยู่ แต่ ZEN นั้นใช้โหนดที่มีขนาดเครือข่ายใหญ่มาก ซึ่งมันจะสามารถช่วยในการปกปิดตัวตนของผู้ใช้ได้
แทนที่จะพึ่งพาเทคนิคการเข้ารหัสแบบทั่วไปนั้น Verge (XVG) ได้ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน และได้รับการทดสอบแล้วอย่าง The Onion Router (TOR) และ Invisible Internet Project (I2P) เพื่อปกป้องตัวตนของผู้ใช้งาน โดย TOR นั้นจะเป็นการตีกลับการสื่อสารของผู้ใช้แบบกระจาย ผ่านเครือข่าย Relay และอุโมงค์เสมือนผ่านเครือข่ายเน็ตเวิร์ค โดยทั้งหมดจะดำเนินการโดยอาสาสมัคร (Volunteer-Run) ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ดังนั้นจึงสามารถซ่อนตัวตนจริงของผู้ใช้ได้
ในทางกลับกันนั้น I2P จะทำการเข้ารหัสข้อมูลผู้ใช้ก่อนที่จะส่งผ่านเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ทั่วโลกแบบไม่ระบุตัวตนผ่านทางเครือข่าย Peer-to-Peer และอาสาสมัคร (Volunteer-Run) โดยมันจะอนุญาตให้ซ่อนตำแหน่ง และที่อยู่ IP ของผู้เข้าร่วมการทำธุรกรรมทุกฝ่ายอีกด้วย
Verge ได้กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อเว็บไซต์ยอดนิยมสำหรับผู้ใหญ่ ออกมาประกาศว่ารองรับการชำระเงินด้วยคริปโต Verge (XVG) ซึ่งเหตุผลหลักก็คงเป็นเพราะคุณสมบัติความเป็นส่วนตัวที่น่าประทับใจ
Beam เป็นคริปโตที่เน้นการรักษาความปลอดภัย พร้อมด้วยคุณสมบัติหลักในการรวมการควบคุมความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งการทำธุรกรรมทั้งหมดจะเป็นแบบส่วนตัวโดยค่าเริ่มต้น และจะไม่มีแอดเดรสหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ที่จะถูกเก็บไว้บน Blockchain อีกเลยด้วย
Beam นั้นอ้างว่ามันมีความสามารถในการปรับขนาดรายการธุรกรรมได้ดีกว่า เนื่องจากมีขนาดของบล็อกที่กะทัดรัด, เลือกรับการตรวจสอบได้, รองรับธุรกรรมออนไลน์และออฟไลน์, การสลับเปลี่ยน (Swap) และสามารถการผสานการทำงานเข้ากับ Hardware Wallet ได้อีกด้วย
ในขณะที่ความเป็นส่วนตัวนั้นเป็นคุณสมบัติที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในโลกจริง แต่มันก็นำมาซึ่งอันตรายเกี่ยวกับอาชญากรรมขนาดใหญ่ได้เช่นกัน โดยบรรดาผู้ดำเนินการเกี่ยวกับคริปโตนั้นจะต้องป้องกันความพยายามในการแฮ็กจากผู้ประสงค์ร้ายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และหน่วยงานกำกับดูแล ที่ต่างก็มีแนวโน้มว่าจะเข้ามาสอบสวนผู้ที่มีรายการธุรกรรมขนาดใหญ่ได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น Bitcoin ยังคงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ แต่สำหรับหน่วยงานของรัฐแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการที่จะติดตามประวัติธุรกรรมของผู้ใช้งานใด ๆ ที่มีรายการขนาดใหญ่ได้ ถึงแม้รายการธุรกรรมดังกล่าวอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นแรงจูงใจให้ผู้คนหันมาใช้คริปโตที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพื่อเลี่ยงการเป็นจุดสนใจจากหน่วยงานต่าง ๆ
Bitcoin มักเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการปกปิดข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้งาน และด้วยเหตุนี้การทำธุรกรรมจึงตกเป็นเป้าหมายและโดนตรวจสอบโดยหน่วยงานของรัฐอยู่เสมอ ซึ่งทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้แทบไม่มีเลย ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้คริปโตที่เน้นความเป็นส่วนตัวจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่มีความกังวลในเรื่องนี้