นำรถไปขับ Grab Car ประกันคุ้มครองไหม
Grab Car อีกหนึ่งธุรกิจรับส่งผู้โดยสาร หากทำประกันรถยนต์และใช้งานรถให้ถูกประเภท ความคุ้มครองไม่หนีหายไปไหน
Grab Car อีกหนึ่งธุรกิจรับส่งผู้โดยสาร หากทำประกันรถยนต์และใช้งานรถให้ถูกประเภท ความคุ้มครองไม่หนีหายไปไหน
ไม่ว่าจะ Grab Car หรือ Taxi หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ความคุ้มครองจากประกันภัยภาคบังคับหรือ พ.ร.บ.รถยนต์ จะได้รับเท่ากัน โดยความคุ้มครองของ พ.ร.บ.รถยนต์ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
1. การชดเชยความเสียหายเบื้องต้น ในการชดเชยส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด
2. การชดเชยความเสียหายเพิ่มเติม ในส่วนนี้ต้องพิสูจน์แล้วว่าผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น ถึงจะได้รับค่าชดเชยเพิ่มเติมทั้งในกรณีบาดเจ็บ เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ
รถแท็กซี่ คือ รถยนต์สาธารณะตามคำนิยามของพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 หมายความว่ารถที่ใช้รับจ้างคนโดยสารไม่เกิน 7 คน ส่วน Grab Car นั้นจะมีทั้งการใช้รถยนต์สาธารณะ และรถยนต์ส่วนบุคคลมาขับเป็น Grab Car โดยมีการสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ Grab ตั้งแต่ขั้นตอนกรอกใบสมัคร จะมีการสอบถามว่า “ท่านจะสมัครขับแกร็บด้วยรถประเภทใด” ความแตกต่างอีกเรื่องก็คือการให้บริการ ซึ่งหากเราต้องการใช้บริการ Grab Car เราจะต้องทำการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน และระบบจะจัดส่งรถที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงมาให้บริการแก่เรา และเราจะสามารถรู้ราคาตั้งแต่ตอนเรียกรถ รู้ทะเบียน รู้รุ่น-ยี่ห้อรถ รวมถึงหน้าคนขับ
เนื่องด้วยการให้บริการของแกร็บในปัจจุบันมีการตอบรับเพิ่มมากขึ้น มีหลายคนที่อยากจะทำงานหรือหารายได้เสริมจากการขับ Grab car ซึ่งการที่คุณจะสมัครได้นั้น รถของคุณจะต้องมีเกณฑ์ ดังนี้
1. รถยนต์ของคุณต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี หรือผลิตตั้งแต่ปี 2010 ขึ้นไป
2. หากคุณจะเข้าร่วมเป็น GrabCar Plus รถยนต์ของคุณต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี หรือเป็นรถที่ผลิตตั้งแต่ปี 2015 ขึ้นไป
3. หากคุณใช้รถกระบะ รถกระบะจะต้องเป็นกระบะแบบ 4 ประตูเท่านั้น และมีอายุไม่เกิน 5 ปี หรือผลิตตั้งแต่ปี 2015 ขึ้นไป
“หากเกิดอุบัติเหตุสามารถเบิกความคุ้มครองเบื้องต้นได้จากประกันภัยภาคบังคับหรือ พ.ร.บ.”
ประกันรถยนต์จะคุ้มครองรถคุณหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานรถยนต์ผิดประเภทหรือเปล่า ตัวอย่างเช่น
1. คุณมีรถและจดทะเบียนรถเป็นรถใช้งานส่วนบุคคล หรือที่เรียกว่ารถป้ายดำ แต่คุณนำไปทำเป็นแท็กซี่ หรือ Grab Car แบบนี้ประกันจะไม่คุ้มครอง เนื่องจากคุณใช้งานรถยนต์ผิดประเภท
2. คุณมีรถยนต์ที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์สาธารณะ หรือรถป้ายเขียว ถ้าคุณนำรถไปขับ Grab Car หารายได้เสริมจากงานหลักที่ใช้รถคันนี้ในการรับจ้างรับส่งผู้โดยสารอยู่แล้ว กรณีนี้ประกันรถยนต์คุ้มครองเนื่องจากไม่ได้ใช้งานรถยนต์ผิดประเภท เพราะจดทะเบียนรถไว้อย่างไรก็ใช้งานอย่างนั้น
รถใช้งานส่วนบุคคลที่นำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุ
คนขับ Grab Car จะต้องพิจารณาในเรื่องรถยนต์ และการจดทะเบียนรถยนต์ของตนเองตั้งแต่แรก ว่าเข้าข่ายหรือมีคุณสมบัติในการขับ Grab หรือไม่ และเพื่อไม่ให้ถูกปฏิเสธการคุ้มครองควรใช้งานรถให้ตรงกับที่จดทะเบียนและแจ้งกับบริษัทประกันไว้ หากคุณจะขับ Grab Car แล้วล่ะก็ คุณก็ควรเลือกแพ็กเกจ “ประกันรถใช้งานเชิงพาณิชย์” เพราะในการที่คุณทำประกันรถยนต์ในแพ็กเกจที่แพงกว่าแล้วการที่คุณนำรถไปใช้เป็นการส่วนตัว เช่น ไปซื้อของ ไปรับส่งลูก เป็นต้น ประกันก็ยังคุ้มครอง แต่หากคุณซื้อประกันรถยนต์ทั่ว ๆ ไป แต่เอารถไปขับ Grab แบบนี้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นประกันย่อมไม่คุ้มครอง
ในการทำประกันรถยนต์ จะมีประเภทรถยนต์ รหัสรถยนต์ และลักษณะการใช้งานรถยนต์ ระบุไว้ในกรมธรรม์ ดังนั้นหากอยากรู้ว่าประกันคุ้มครองหรือไม่ดูได้จากรหัสรถยนต์ต่อไปนี้
1. รถยนต์นั่ง
(110) – การใช้งานส่วนบุคคล
(120) – การใช้เพื่อการพาณิชย์
2. รถยนต์โดยสาร
(210) – การใช้ส่วนบุคคล
(220) – การใช้เพื่อการพาณิชย์
(230) – การใช้รับจ้างสาธารณะ
3. รถยนต์บรรทุก
(320) – การใช้เพื่อการพาณิชย์
(340) – การใช้เพื่อการพาณิชย์พิเศษ
4. รถยนต์ลากจูง
(420) – การใช้เพื่อการพาณิชย์
5. รถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ
(730) – การใช้รับจ้างสาธารณะ