เติมเงิน vs รายเดือน
การใช้งาน 2 รูปแบบนี้เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควรว่าแบบไหนดีกว่า หรือมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันเช่นไร
การใช้งาน 2 รูปแบบนี้เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควรว่าแบบไหนดีกว่า หรือมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันเช่นไร
ทาง กสทช. ได้มีการกำหนดให้การเปิดซิมใหม่จะต้องทำการลงทะเบียนซิมก่อนทุกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนการใช้งาน และปกป้องผู้ใช้โทรศัพท์มือถือให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ป้องกันการปลอมแปลงจากผู้ไม่หวังดี สำหรับการลงทะเบียนนั้นผู้ใช้งานสามารถลงทะเบียนได้ที่จุดซื้อซิม, ที่ช็อป หรือลงทะเบียนด้วยตัวเองโดยผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์ โดยเอกสารที่ใช้ก็จะมีแค่บัตรประจำตัวประชาชน และข้อมูลเบอร์หรือข้อมูลบนแผ่นซิม
สำหรับผู้ใช้งานซิมการ์ดระบบรายเดือน (Postpaid) ไม่จำเป็นต้องทำการลงทะเบียนซิมการ์ดซ้ำอีก เนื่องจากโดยปกติแล้ว เมื่อเราสมัครใช้งานซิมการ์ดระบบรายเดือน จะต้องมีการลงทะเบียน หรือยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการเครือข่ายไว้เรียบร้อยแล้ว
ความแตกต่างของการใช้แพ็กเกจเติมเงิน และแพ็กเกจรายเดือน สรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
แพ็กเกจเติมเงิน
– เหมาะกับคนที่ชอบความอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด
– ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง เงินหมดเมื่อไหร่ค่อยเติม
– เหมาะกับคนที่ใช้งานน้อย เน้นประหยัด โทรบ้าง เล่นเน็ตไม่เยอะ
– สำหรับคนที่ใช้เน็ตเยอะสามารถซื้อแพ็กเกจเสริมได้อีก
แพ็กเกจรายเดือน
– มีแพ็กเกจให้เลือกเยอะกว่า ส่วนใหญ่โปรจะคุ้มกว่าแบบเติมเงิน
– ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง ยืดหยุ่นกว่า หรือสามารถตั้งให้หักค่าใช้บริการอัตโนมัติได้เลย
– ไม่ต้องกลัวเรื่องค่าโทรหมด หรือเน็ตหมด สามารถใช้งานได้คล่องตัวทุกที่
– ใช้เน็ตแบบ Unlimited ได้ ไม่ต้องพะวงเรื่องค่าใช้จ่าย หรือใช้งานได้ไม่เต็มที่
ตรวจสอบสัดส่วนปริมาณการใช้งานของตัวเอง – เพราะทุกคนมี Lifestyle ที่ต่างกันทำให้ลักษณะการใช้งานโทรศัพท์มือถือของเราไม่เท่ากัน บางคนโทรเยอะ บางคนใช้อินเทอร์เน็ตเยอะ ดังนั้นเริ่มต้นจากที่ดูว่าลักษณะการใช้งานของเราเป็นยังไงบ้าง หากใครยังไม่รู้ว่าดูยังไง ไปตามนี้เลย
สำหรับผู้ใช้งาน IOS
เข้าไปที่ Setting > Cellular จะเห็นปริมาณการใช้งานทั้งการโทรและการใช้อินเทอร์เน็ต
สำหรับผู้ใช้งาน Android
เข้าไปที่ Setting > Data Usage จะเห็นปริมาณการใช้งานการใช้อินเทอร์เน็ต
หรือจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการเครือข่ายของเราเพื่อมาดูข้อมูล
“ใช้งานน้อยเลือกแบบเติมเงิน ใช้งานเยอะเลือกแบบรายเดือน”
หลังจากที่รู้แล้วว่าเรามี Lifestyle การใช้งานอย่างไร ลองมาดูว่าปกติเราเสียค่าบริการรายเดือนกันไปเท่าไหร่ ลองหาข้อมูลโปรโมชันใหม่ๆ จากผู้ให้บริการที่ราคาถูกลงแต่คุ้มค่ากว่าเดิม หรือเหมาะกับการใช้งานของเรา เพื่อเป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจเลือกเปลี่ยนโปรโมชัน หลังจากที่เรารู้ว่าเราใช้งานมากน้อยขนาดไหนและมีโปรโมชันอะไรน่าสนใจบ้าง ก็จะทำให้เราเลือกได้ว่าเราเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่างแบบเติมเงินกับแบบรายเดือน ดังนั้นเลือกแบบไหนก็คุ้มได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่า ชอบแบบไหนเลือกแบบนั้น
เช็กการใช้งานมือถือของตัวเองก่อนเลือกแพ็กเกจเติมเงินหรือรายเดือน
สำหรับข้อดีของแพ็กเกจเติมเงิน คือการควบคุมงบประมาณได้ด้วยตัวเอง และเข้าถึงคนได้หลายกลุ่มกว่า เช่น กลุ่มนักเรียน/นักศึกษา เพราะยุคสมัยนี้นักเรียน/นักศึกษาส่วนใหญ่ก็มีมือถือกันหมดแล้ว ยกตัวอย่าง ซิมเติมเงิน Student Sim
สำหรับข้อเสียของแพ็กเกจเติมเงิน คือ เกิดเรื่องฉุกเฉินแต่เงินดันหมด เพราะเราไม่รู้ว่าเหตุไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นกับเราตอนไหน ยกตัวอย่างเช่น รถชน, รถล้ม, ลืมของไว้ที่บ้าน, หรือหลงทาง แล้วต้องการขอความช่วยเหลือแต่เงินในมือถือดันหมดจึงไม่สามารถติดต่อใครได้ ทำให้ต้องหาที่เติมเงินมือถือ และหากในบริเวณนั้นไม่มีที่เติมเงินมือถือ ก็ต้องขอยืมโทรศัพท์คนอื่นเพื่อโทร
สำหรับข้อดีของแพ็กเกจรายเดือน คือได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ทางค่ายเพิ่ม 3G | 4G ให้ใช้งานได้ฟรี นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษอย่างเช่น ซื้อสินค้าและบริการในราคาพิเศษ อย่างเช่น ดูภาพยนตร์ในราคาพิเศษ หรือมีบัตรกำนัลหรือของสมนาคุณมอบให้ซื้ออาหารราคาถูก
สำหรับข้อเสียของแพ็กเกจรายเดือน อาจจะมีส่วนเกินค่าโทร หากคุณโทรเกินโควตาที่แพ็กเกจรายเดือนกำหนด ทำให้คุณต้องเสียค่าส่วนเกิน โดยส่วนใหญ่จะคิดส่วนต่างค่าโทรเป็นนาทีละกี่บาทก็แล้วแต่ทางผู้ให้บริการเครือข่ายที่เราใช้งาน