บันเทิง

‘เก้า เกริกพล’ เปิดใจหลังเจนนี่ ได้หมดฯ ไลฟ์สด พร้อมย้ำ พูดจริงทั้งหมด

เก้า เกริกพล เพชรรัตน์ เปิดใจหลัง เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไลฟ์บอกสัญญาใจไม่มีจริงและไม่เคยโกงค่าตัว หนุ่มเก้า เผย เขาพูดความจริงทุกอย่างแล้ว เหลือแค่อีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมพูดความจริง ตอนนี้ประเด็นอยู่ที่พ่อโดนด่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ถ้ามีรายการติดต่อมาก็พร้อมเคลียร์ตลอด อยากฝากให้เจนนี่ออกมาพูดความจริง และครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน สัญญาใจไม่มีแต่ก็มี

งานนี้ไม่จบง่าย ๆ กับประเด็นดราม่าของสาวเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น นักร้องและเจ้าของค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น กับนักร้องหนุ่มเก้า เกริกพล เพชรรัตน์ ที่เคยร่วมงานกันในเพลง 350 ล้านวิว อย่าง “เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว” แต่ไม่นานมานี้กลับมีปัญหากันเรื่องสาวเจนนี่โกงค่าตัวหนุ่มเก้า ทั้งจากยอดวิวยูทูปและจากรายการต่าง ๆ

โดยสาวเจนนี่ได้ไลฟ์สดอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ไปแล้ว รวมถึงเคลียร์ประเด็นเรื่องสัญญาใจว่าไม่มีอยู่จริง และสามารถกลางไลฟ์ว่าไม่ได้โกงค่าตัวหนุ่มเก้า แต่ดูเหมือนชาวเน็ตจะเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง

ล่าสุด หนุ่มเก้า เกริกพลได้ออกมาเปิดใจตอบคำถามในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดนย้ำชัดว่า สิ่งที่เคยพูดเป็นความจริง

“สิ่งที่พี่เจนนี่พูดมาก็แล้วแต่คนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่สิ่งที่ผมพูดก็คือความจริงทั้งหมด แต่สิ่งที่พี่เขาพูดมันเหมือนว่าผมพูดไม่จริง ตั้งแต่เรื่อง 70 : 30 ค่าตัว 500 บาท 70 : 30 ผมยืนยันว่าได้ตกลงกันก่อนถ่ายเอ็มวี และเรื่องของค่ายไม่ได้ตกลงกัน ตอนนั้นเพราะว่าพี่เขายยังไม่ได้ทำค่าย พี่เขาเพิ่งทำค่ายตอนเพลงดังไปซักพักแล้วเพิ่งมาจดทะเบียนค่าย ถ้าเกิดสมมติผมไปอยู่ค่ายพี่เขาผมได้จดมั้ยตอนนั้นแต่ว่าตอนนั้นได้ตกลงจริงๆ ว่า 70 : 30 ก่อนถ่ายทำเอ็มวีครับ วันนั้นเป็นสัญญาใจ สัญญาใจมีจริงและพี่เขาได้สาบานไว้ด้วยครับ”

แล้วเรื่องที่สาวเจนนี่ชวนหนุ่มเก้าไปอยู่ในค่ายด้วย เป็นเรื่องจริงหรือไม่

“อันนี้มีจริงครับ มีจริง ๆ ที่ชวนไปอยู่ในค่ายพี่เขา แต่ว่าก็คือชวนผมหลังจากเพลงดังแล้ว น้องสนใจมาอยู่ค่ายพี่มั้ยและก่อนหน้านั้นผมได้มาอยู่กับ พ่อติ๊ก ชีโร่ เพราะผมได้ประกวดเดอะวอยซ์คิดส์ ได้มีสัญญาใจเหมือนกันอยู่กันแบบพ่อลูก”

ระหว่างเก้ากับเจนนี่ ตกลงค่าตัวอย่างไร

“ผมบอกแล้วว่า 30 : 70 แกบอกว่าจะดูแลทุกอย่างไม่เอาเปรียบน้องและเรื่องยูทูบก็มาแบ่งผลประโยชน์กัน 70 : 30 ค่าตัวนอกไม่มี แต่ว่าคอนเสิร์ตมีเราได้ตกลงกันสามพัน แต่ผมได้แจ้งว่าสามพันนี่มันไม่พอกับการที่เราอยู่กรุงเทพแล้วเราไปกลับก็หมดแล้วค่ากิน ค่าอะไร น่าจะเข้าเนื้อตัวเอง ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ไป แต่ก่อนที่จะติดสินใจก็มีคุยกันบ้างให้คุยกับแม่พ่อถ้าเกิดค่าตัวเพิ่มอีกพี่เขาก็บอกว่าเจ้าภาพไม่รับค่าตัวเยอะไปอะไรประมาณนี้ เพราะพี่เขาบอกว่าเขาไม่สามารถควักค่าตัวของตัวเองให้ผมได้”

ตอนนั้นคิดไหมว่าสัญญาใจจะกลายเป็นปัญหา

“ตอนนั้นผมผิดที่ให้ใจไปหมด ก่อนหน้านั้นพ่อติ๊ก ชีโร่ ก็เคยบอกให้ทำสัญญา ทำให้เป็นลายลักษณ์อักษรเดี๋ยวอาจจะมีเรื่องของปัญหานี่ครับตามมา ผมก็ไม่ได้เชื่อแก เพราะผมให้ใจไปหมดเราทำแบบพี่น้อง พอหลังจากนั้นมันก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ”

เงิน 10,000 บาท ที่เจนนี่ให้มาบอกว่าเป็นค่าขนม ได้มีการพูดชัดเจนไหมว่าเป็นค่าอะไร

“ขนาดในแชทพี่เขายังไม่พูดเลยว่าเป็นค่าตัวน้องนะ แต่พี่เขาโทรมาบอกว่าน้องนี่เป็นค่าเดินทาง ค่ากินขนมนะ ไม่ได้ชี้แจงมาชัดเจนว่านี่เป็นค่าตัวน้อง สำหรับที่ผมได้ยินเข้าใจแบบนั้น และก็พอหลังจาก 10,000 บาทนั้นคือสัญญาใจ”

ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าที่ผ่านมายังไม่ได้เงินจากงานนี้เลย?

“ก็คือยังไม่ได้ค่าตัวครับเอาง่าย ๆ เงิน 10,000 บาท นี้ไม่ใช่ค่าตัวของเรา และที่ 20,000 บาท โอนเพิ่มค่าตัวเพิ่ม 20,000 นี้เขาโอนมาจริง ๆ แต่ว่าเหตุผลที่ผมไม่เอาเพราะว่าเขาไม่ได้ให้ด้วยใจแต่เพราะว่าพ่อโทรไป พ่อไม่ได้ไปบอกว่า 30 นะที่ไอ้นี่กัน แต่พ่อบอกว่าน้ำใจคนเราที่เคยไปร่วมงานกันว่ามันยังไง ๆ แล้ว พอดังปุ๊บก็ไม่มีการติดต่อเรื่องส่วนตรงนี้เลย หายไปเลยจนมาพ่อติดต่อตอนเพลง 100 ล้านแล้ว 100 ล้านก็ประมาณเดือนเศษได้”

แล้วประเด็นเรื่องเงิน 20,000 บาท ยังมีปัญหากันอยู่ไหม

“ตรงนี้ที่ผมบอกแล้วว่าประเด็นจบไปนานแล้วเรื่องนี้เพราะว่าผมได้ยื่นเอกสารไปแล้ว และพี่เขาได้เซ็นรับแล้วแต่ว่าก็เมินไปผมก็ไม่ได้เอาอะไรตรงนั้น ประมาณ 1 ปีที่ผมเก็บไว้ พอหลังจากนั้นพี่เขาไปบอกว่าแม่ผมไปติดต่อเพจหนึ่งใช้ในการโจมตีพี่เขาตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องจริง ตรงนี้มันเกิดจากแฟนคลับทั้งสองฝ่ายด่ากันไปด่ากันมาคือรู้จริงบ้างรู้ไม่จริงบ้าง และทีนี้ทางเพจนั้นได้ติดต่อแม่มา ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นยังไงแม่ก็เล่าความจริงไปหมดเลย จนเขาเอาไปโพสต์และทีนี้ก็เกิดประเด็นขึ้น ทีนี้พี่เขาเอาพ่อผมไปโพสต์จนแฟนคลับของพี่เขามาด่าพ่อผม ด่ายันโคตร”

ในเรื่องของค่าตัวตอนไปออกรายการ ทางนู้นเขายืนยันว่าเขาไม่ได้ให้แค่ 500 บาท

“เขาก็แช่งตัวเองไปแล้ว 500 ยืนยันว่า 4 รายการ ผมสามารถพูดชื่อรายการได้ไหมครับ รายการโหนกระแส รายการแฉ รายการอัมรินทร์ และซูปเปอร์หม่ำ รายการละ 500 พอ 2 รายการหลังพ่อผมโทรไปหาทางทีมงานว่าเรื่องของการเดินทางมันไม่พอนะ ทีนี้ทางรายการเขาได้ติดต่อไปทางพี่เขา เขาก็ได้โอนมา 3,000 บาท รวม 2 รายการก็รายการละ 1,500 บาท ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพ่อไม่โทรไป คงได้ 500 เหมือนเดิม”

พี่หนุ่ม กรรชัยได้ออกมาเคลียร์ไหมถึงค่าตัวของเราและเขาตอนที่ไปออกรายการ

“พี่หนุ่ม ชี้แจงมาแล้วว่าให้ 10,000 บาท แต่ว่าแกจะให้คนละ 3,000 ทีแรกบอกว่าเอาแค่ผมกับน้องเขาแค่ 2 คน แล้วทีนี้พี่เขาจะมาด้วยก็เลยบวกไปเป็น 10,000 บาท แต่ผมได้มาแค่ 500 ก็เสียใจ เสียความรู้สึกแล้วก็ทุกรายการทั้งหมดจะเป็นพี่เขาที่เซ็นรับเงิน ผมไม่รู้เลยว่าได้มารายการละเท่าไร”

จริง ๆ แล้วเราอยากให้พี่เขาจัดการอย่างไร

“อยากให้พี่เขาออกมาพูดความจริง แต่ว่าผมได้พูดให้สัมภาษณ์ไว้แล้วว่า อยากให้พี่เขาออกมาพูดความจริงตอนแถลงไลฟ์สด แต่ว่าสิ่งที่พี่เขาพูด พี่เขายืนยันแล้ว ผมก็จะพูดว่าความจริงทั้งหมด ผมพูดไปหมดเหมือนกันแล้ว และส่วนตรงนี้มันจะป็นอย่างไรต่อก็ปล่อยให้เป็นในทางของผู้ใหญ่”

ตอนนี้ยังอยากได้เงินส่วนแบ่ง 30 ของเราอยู่ไหม

“ตอนนี้ผมไม่เลย ประเด็นตอนนี้อยู่ที่พ่อ เขาเอาพ่อผมมาแขวนให้คนอื่นด่า ผมอยากให้พี่เขาออกมาพูดความจริง ผมให้โอกาสเขาออกมาแล้วแต่พี่ก็เป็นแบบนั้น ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าผู้ใหญ่เขาจะทำอย่างไรต่อไป”

ถ้าเขาเสนอเงินมาให้เพื่อจบปัญหา เราจะว่าอย่างไร

“ผมอยากให้เขาออกมายอมรับความจริงก่อนครับ ถ้าหากวันนั้นพี่พูดความจริงทุกเรื่องและออกมารับผิดชอบในส่วนที่พี่เขาได้ทำผิดพลาด ผมคิดว่าเรื่องมันก็น่าจะจบตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

แล้วทำไมเราถึงยอมทนตั้ง 1 ปี ไม่ยอมออกมาพูดอะไรเลย

“อย่างที่บอกครับ ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเงิน 70 -30 แล้ว แต่มันเป็นเรื่องของการที่มีคนมาว่าพ่อผม เอาคนอื่นมาด่าพ่อผม ส่วนเรื่องที่บอกว่าทำไมผมถึงไม่ฟ้องตั้งแต่แรก ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้วอีกเหมือนกัน ผมได้ยื่นเอกสารไปให้พี่เขาแล้ว แต่พี่เขาเมิน ดังนั้นผมก็เลยคิดว่าผมจบแค่นั้นดีกว่า ผมได้รู้ใจคนแล้วว่าเขาเป็นอย่างไร”

เขาบอกว่าไม่ได้รับเอกสาร เอกสารส่งผิดหรือเปล่า

“แต่เอกสารมีคนรับแล้วครับ มีคนเซ็นรับแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่มีการเซ็นรับเกิดขึ้นแล้วครับ แล้วจริง ๆ ผมก็ไม่ได้มีความรู้ในส่วนตรงนี้นะครับ แต่ก็มีทนายหลายท่านเหมือนกันที่เข้ามาให้ความรู้ผมด้านนี้พอสมควรเลย”

ถ้ามีรายการติดต่อให้เรากับเจนนี่ไปออกรายการด้วยกันเรายินดีไหม

“มาเลยครับ ผมพร้อม ผมก็พร้อมตลอด ตอนไหนก็ได้ มาพูดความจริงกันเลย ผมไม่กลัวอยู่แล้วความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ผมไม่กลัว มาเลยครับ สาบานเลยก็ได้ ผมจะพาพี่เขาไปสาบานที่วัดที่พี่เขานับถือ ผมเองก็เป็นลูกหลานเหมือนกันถ้าไปสาบานด้วยกันได้เลยครับ”

งานนี้คิดว่าตัวเองถูกโกงไหม

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะโดนโกงล่ะครับ แต่ก็อยู่ที่คำพูดของคนด้วย สัญญาของคนด้วย”

มีอะไรจะฝากถึงเจนนี่ไหม

“ออกมาพูดความจริงเถอะครับ ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิดนะ ถ้ามีส่วนไหนที่ผมผิด ผมก็ยินดียอมรับผิดเช่นกัน แต่ผมเชื่อมั่นในตัวเองว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปทั้งหมดคือเรื่องจริง ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อผมก็ไม่โกรธ แต่ผมอยากให้ทุกคนเสพข่าวดี ๆ อย่าด่ากันไปด่ากันมา เพราะมันไม่มีประโยชน์”

ตั้งแต่เริ่มมีเรื่องเขาได้ติดต่อมาหาคุณพ่อบ้างไหม

“มีแต่ติดต่อมาตอนที่จะให้ผมไปเซ็นสัญญาครับ แต่ผมไม่ไป เขาติดต่อมาตั้งแต่ช่วงที่เพลงดังใหม่ ๆ เลย แต่หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยถึงเรื่องนี้เลย เรื่องที่เขาให้สัญญาไว้ไม่ได้มีการติดต่อเลยครับ หายไปเลย แต่จริง ๆ ก็มีนะครับเป็นผู้ใหญ่ฝั่งเขาโทรมาเคลียร์ โทรมาขอเคลียร์กับฝั่งผม ก็อย่างที่บอกฝั่งผมก็ให้อภัย ผมให้โอกาส ให้เขาออกมาพูดความจริง แต่สิ่งที่พี่เขาอยากจะเคลียร์เขาไม่ได้ต้องการจะเคลียร์เลย เขาแค่ต้องการจะปัดปัญหาอย่างเดียวครับ”

ถ้าตอนนี้ต้องทำงานร่วมกัน คิดว่าทำได้ไหม

“ยากนิดหนึ่งครับ เพราะขนาดเรามีเรื่องกันแล้วเขายังจะติดต่อให้ผมไปเป็นเพราะเอกมิวสิควิดีโอของน้องเขาอยู่เลย”

เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนสำหรับเราเลยไหม

“บทเรียนครั้งใหญ่เลยครับ ต้องมองคนให้ดี สัญญาใจไม่มีจริง แต่ก็มีจริงครับ”

kamon w.

จบสายภาษาแต่หนีไปทำงานด้านบริการเกือบ 2 ปี ตอนนี้กลับมาขีด ๆ เขียน ๆ อีกครั้ง พร้อมแพสชั่นในงานข่าวที่เต็มเปี่ยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button