การโอนเงินจากบัตรเครดิตเข้าบัญชีธนาคาร
มีเงินใช้ง่าย ๆ สามารถผ่อนจ่ายได้ ด้วยการใช้วงเงินที่เหลือให้เป็นเงินสด โดยการโอนเงินจากบัตรเครดิตเข้าบัญชีธนาคาร
มีเงินใช้ง่าย ๆ สามารถผ่อนจ่ายได้ ด้วยการใช้วงเงินที่เหลือให้เป็นเงินสด โดยการโอนเงินจากบัตรเครดิตเข้าบัญชีธนาคาร
การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตเพื่อโอนเข้าบัญชีธนาคารนั้น ในปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะว่าในปัจจุบันการทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม เช่น การโอนเงินระหว่างบัญชี ทั้งโอนเข้าบัญชีธนาคารเดียวกัน หรือโอนเข้าบัญชีต่างธนาคาร ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งสะดวกมากกว่าการโอนเงินผ่านบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตยังมีคนทำอยู่บ้าง แต่การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตนั้นจะถูกคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวกับการใช้บัตรเครดิตกดเงินสด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยส่วนใหญ่อยู่ที่ 20% ต่อปี และในกรณีที่ปิดบัญชีก่อนครบกำหนดจะคิดค่าธรรมเนียม 3% รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มอีกด้วย การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตสามารถผ่อนชำระได้ โดยสามารถผ่อนชำระ 4 เดือน จนถึง 10 เดือน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะไม่ค่อยมีใครโอนเงินผ่านบัตรเครดิตกันแล้ว แต่ Tadoo ขอแนะนำวิธีการโอนเงินผ่านบัตรเครดิตเอาไว้เป็นความรู้ให้กับคุณได้ การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตไม่ต่างอะไรกับการกดเงินสดจากบัตรเครดิตเลย เพียงแต่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 3% รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าไม่ได้ปิดบัญชีก่อนครบกำหนด และปลอดภัยกว่าการกดเงินสดออกมาใช้ในทันที
การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตจะมีรูปแบบการใช้งานที่เหมือนกับการกดเงินสดด้วยบัตรเครดิต โดยการคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตในกรณีที่กดเงินสดผ่านบัตรเครดิตนั้น จะคำนวณตามสูตรดังนี้
(จำนวนเงินที่กดออกมา * อัตราดอกเบี้ยต่อปี(%) * จำนวนวันโดยเริ่มต้นจากวันที่กดเงินสดจนถึงวันสรุปรายการ) ÷ 365
ตัวอย่าง วันที่ 1 สิงหาคม นายวินัยได้นำบัตรเครดิตไปกดเงินสดมาจำนวน 10,000 บาท ต่อมาได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคาร โดยสรุปยอดรายการถึงวันที่ 25 สิงหาคม และกำหนดชำระเงินในวันที่ 10 กันยายน โดยธนาคารคิดดอกเบี้ย 20% ต่อปี นายวินัยต้องเสียดอกเบี้ยจากการกดเงินสดดังนี้
10,000 * 20% * 25 ÷ 365 = 136.98 บาท
นอกจากนายวินัยจะต้องเสียดอกเบี้ยจากการกดเงินสดเป็นจำนวน 136.98 บาทแล้ว ธนาคารยังคิดค่าค่าธรรมเนียมสำหรับการกดเงินสดผ่านบัตรเครดิตอยู่ที่ 3% จากจำนวนเงินที่กดออกมา และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% รวมทั้งหมดเป็น 321 บาท ดังนั้น เมื่อถึงวันชำระเงิน นายวินัยต้องนำเงินไปชำระให้กับธนาคารทั้งหมด 10457.98 บาท
การโอนเงินจากบัตรเครดิตเข้าบัญชีธนาคารเสียดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเหมือนกับการกดเงินสดด้วยบัตรเครดิต”
นอกจากจะสามารถโอนเงินจากบัตรเครดิตได้แล้ว เรายังสามารถโอนเงินจากบัตรกดเงินสดเข้าบัญชีได้ด้วย และการคิดดอกเบี้ยของการโอนเงินด้วยบัตรกดเงินสดจะเหมือนกับการใช้บัตรกดเงินสดถอนเงิน ซึ่งการดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดนั้นจะคิดในรูปแบบเดียวกันกับการถอนเงินสด โดยจะเริ่มคิดก็ต่อเมื่อมีการโอนเงิน การคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะคิดจากจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีในรอบนั้น ๆ ไม่ได้คิดจากวงเงินทั้งหมดในบัตร และการคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มคิดตั้งแต่วันที่โอนเงินจนถึงวันสรุปรายการ ดังนั้น เมื่อต้องการจะโอนเงินจากบัตรกดเงินสดเข้าบัญชีนั้นจะต้องคิดคำนวณดอกเบี้ยให้ดี โดยสูตรการคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะคิดดังนี้
(จำนวนเงินสดที่กดออกมา * อัตราดอกเบี้ยต่อปี * จำนวนวันตั้งแต่วันกดเงินจนถึงวันสรุปรายการ) ÷ 365
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกดเงินสดออกมาใช้จำนวน 5000 บาท และบัตรกดเงินสดของคุณมีการคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ 28% ต่อปี โดยที่คุณโอนเงินเข้าบัญชีในวันที่ 1 และธนาคารได้สรุปรายการเมื่อวันที่ 25 ซึ่งนับเป็น 25 วัน การคำนวณดอกเบี้ยจะสรุปได้ดังนี้
5,000 * 28% * 25 ÷ 365 = 95.89 บาท
ซึ่งทำให้เมื่อวันที่ 25 จะต้องชำระเงินทั้งหมด 5000+95.89 = 5095.89 บาท
การโอนเงินจากบัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยแพงกว่าการโอนเงินจากบัตรกดเงินสด
จะเห็นได้ว่า การโอนเงินจากบัตรกดเงินสดจะเสียดอกเบี้ยน้อยกว่าการกดเงินสดจากบัตรเครดิต ดังนั้นเมื่อต้องการจะใช้เงินสดก็แนะนำให้โอนเงินจากบัตรกดเงินสดจะดีกว่า เพราะจ่ายยอดชำระรวมได้ถูกกว่าการกดเงินจากบัตรเครดิต เพราะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมในการโอนเงินนั่นเอง แต่ถ้าไม่จำเป็นไม่แนะนำให้ใช้วิธีโอนเงินจากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด เพราะจะเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูง และถ้าผิดนัดชำระหนี้ ก็จะมีค่าปรับล่าช้า และติดเครดิตบูโรอีกด้วย
ถึงแม้ว่าการโอนเงินผ่านบัตรเครดิตจะให้ความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมการเงิน แต่อย่างไรก็ตาม คุณต้องพึงระวังว่า การคิดดอกเบี้ยสำหรับการโอนเงินผ่านบัตรเครดิตนั้นไม่ต่างอะไรกับการคิดดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ดังนั้นคุณควรที่จะต้องดูวันที่กำหนดชำระยอดให้ดี ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเสียดอกเบี้ยเป็นจำนวนมากถ้าบริหารการเงินไม่ดีพอ สิ่งที่สำคัญของการบริหารจัดการเงินคือ การวางแผนค่าใช้จ่ายตลอดการคำนวณดอกเบี้ยเมื่อมีการใช้บัตรเครดิตหรือการกู้สินเชื่อประเภทอื่น ๆ นอกจากจะทำให้คุณสามารถบริหารการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้คุณสามารถสร้างประวัติเครดิตที่ดีขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้การทำธุรกรรมการเงินในอนาคตเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอีกด้วย