Connect with us

วิธีป้องกันคอมพิวเตอร์จากไวรัส

ไวรัสคอมพิวเตอร์คืออะไรมีความอันตรายทำลายคอมพิวเตอร์และข้อมูลสำคัญของคุณได้อย่างไร

ไวรัสคอมพิวเตอร์หมายถึงอะไร

ไวรัส (Viruses) หมายถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปแพร่กระจายในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แพร่เชื้อจากไฟล์หนึ่งไปยังไฟล์อื่นๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไวรัสจะแพร่กระจายตัวเองอย่างรวดเร็วไปยังทุกไฟล์ภายในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำให้ไฟล์เอกสารติดเชื้ออย่างช้าๆ แต่ ไวรัสจะไม่สามารถแพร่กระจายจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งได้ด้วยตัวเองโดยทั่วไปเกิดจากการที่ผู้ใช้เป็นพาหะ นำไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง เช่นเวลาที่ส่ง e-Mail โดยแนบเอกสาร หรือไฟล์ที่มีไวรัสไปด้วย, การทำสำเนาไฟล์ที่ติดไวรัสไปไว้บนไฟล์เซิร์ฟเวอร์, การแลกเปลี่ยนไฟล์โดยใช้แผ่นดิสก์ เมื่อผู้ใช้ทั่วไปรับไฟล์ หรือดิสก์มาใช้งาน ไวรัสก็จะแพร่กระจายภายในเครื่อง

จุดเด่น

  • ไวรัสคือโปรแกรมที่ทำลายระบบคอมพิวเตอร์
  • ไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ผ่านอินเทอร์เน็ตและจากอุปกรณ์เก็บข้อมูลต่างๆ
  • การรู้จักวิธีป้องกันไวรัสก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานคอมพิวเตอร์

ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง

ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้

1. บูตไวรัส – บูตไวรัส (boot virus) คือ ไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่องจะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงานทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

2. ไฟล์ไวรัส – ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe หรือการส่งไฟล์ผ่านอุปกรณ์เก็บข้อมูลต่างๆ

3. มาโครไวรัส – มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย

4. หนอน – หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดสามารถกระจายตัวได้รวดเร็วผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต เป็นลักษณะของการกระจายและทำลายที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว

5. โทรจัน – ม้าโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝงในการกระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเราจากผู้ไม่หวังดี คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

ระวังการแชร์ไฟล์ และการรับ-ส่งไฟล์ต่างๆ

การแชร์ไฟล์นั้นมีประโยชน์ในการรับ-ส่งไฟล์มากภายในองค์กร เนื่องจากทั้งรวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่ทราบหรือไม่ว่าจากประโยชน์นี้ก็แฝงไว้ด้วยอันตรายของไวรัสคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการแชร์ไฟล์ควรกระทำด้วยความระมัดระวัง เป็นไปได้ก็ไม่ควรที่จะแชร์ไฟล์ แต่ถ้าในการใช้งานจริงๆ มีความจำเป็นที่จะต้องแชร์ไฟล์ก็ควรที่จะแชร์เป็นประเภทอ่านอย่างเดียว และควรตั้งรหัสผ่านด้วย

การแชร์ไฟล์ผ่านโปรแกรมอื่นๆ เช่น KaZaA ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งให้ไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ใช้เจาะเข้ามาแพร่กระจายภายในเครื่องได้ การรับ-ส่งไฟล์ผ่านโปรแกรมสนทนาต่างๆ เมื่อได้รับไฟล์จากคู่สนทนาที่ไม่รู้จักก็ไม่ควรรับไฟล์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับไฟล์นั้นด้วยว่าเป็นไฟล์ประเภทใด โดยดูจากนามสกุลของไฟล์นั้น โดยเฉพาะไฟล์ที่มีนามสกุล .exe .pif .com .bat หรือ .vbs เป็นต้น ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

“เมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณติดไวรัส สามารถสังเกตได้ง่ายๆ เช่น คอมพิวเตอร์ทำงานช้า อืดผิดปกติทั้งๆที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมอะไร เครื่องมีการรีสตาร์ท หรือปิดเองขณะใช้งาน เป็นต้น”

การลบไฟล์ขยะ (Temp files)

ไฟล์ขยะเป็นไฟล์ที่เกิดจากการเปิดใช้งานจำนวนมาก ไม่มีประโยชน์ใดๆทุกครั้งที่เปิดวินโดวส์จะมีการสร้าง Temp files นามสกุล .tmp ขึ้นมาเรื่อยๆซึ่งวินโดวส์ก็ไม่ได้ใช้งานไฟล์ประเภทนี้อีก โดยปกติเมื่อเราใช้ windows ไปนานๆไฟล์ขยะต่างๆ หรือไฟล์ที่ระบบปฏิบัติการโหลดไว้เพื่อใช้งานชั่วคราว ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นควรจะมีการเคลียร์ Temp files เพื่อลดปริมาณขยะและลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย มีวิธีการจัดการดังนี้

1. คลิกที่เมนู Start แล้วไปที่เมนู Program / Accessories / System Tools / คลิกที่เมนู Disk Cleanup
2. คลิกเลือกไดรฟ์ C: จากนั้นคลิกปุ่ม OK
3. ถึงตรงนี้ให้รอสักครู่ค่ะ ( ใครที่ไม่ได้ทำ Disk Cleanup มาก่อน อาจต้องรอนานหน่อยนะ )
4. ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการลบให้คลิกปุ่ม OK
5. คลิกปุ่ม Yes เพื่อยืนยัน
6. แสดงสถานะ การลบไฟล์ขยะให้รอสักครู่จนกว่าหน้าต่างนี้จะหายไป

การสำรองข้อมูลไว้เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เพราะเมื่อไวรัสแพร่กระจายไปยังไฟล์สำคัญ อาจส่งผลให้เครื่องนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติหรือใช้งานไฟล์บางไฟล์ไม่ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เจ้าของเครื่องดังกล่าวสูญเสียข้อมูลสำคัญๆ ได้

ติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสที่เชื่อถือได้

การติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสก็เปรียบเสมือนการฉีดวัคซีนคุ้มกันให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง ไม่ใช่ว่าเพียงแค่ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสก็จะปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ ดังนั้นหลักการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัส เพื่อให้เครื่องปลอดภัยควรเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมหรือตามที่องค์กรกำหนด เลือกใช้งานให้เหมาะสมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีและองค์กร

ยกตัวอย่างเช่น: ถ้าเครื่องที่ใช้งานอยู่มีประสิทธิภาพไม่สูงนัก ก็อาจจะเลือกใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีขนาดเล็กและทำงานได้รวดเร็วหรือถ้าบุคลากรภายในองค์กรขาดความตระหนักในการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสก็ควรที่จะเลือกโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ผู้ดูแลระบบ สามารถควบคุมเครื่องดังกล่าวให้ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลหรือสแกนหาไวรัสจากระยะไกลได้ เป็นต้น

วิธีอื่นๆ ที่ช่วยหลีกเลี่ยงและป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์

1. ดาวน์โหลดหรือติดตั้งซอฟต์แวร์ที่น่าเชื่อถือจากแหล่งที่ถูกต้อง ไม่โหลดจากเว็บไซต์ที่ดูมีพิรุธหรือเว็บไซต์มืดต่างๆ

2. อย่าตั้งค่าให้โปรแกรมอีเมลเปิดไฟล์แนบอัตโนมัติทันทีหลังจากที่เปิดดูอีเมล

3. สแกนไวรัสทุกครั้งที่มีการเสียบ Flash Drive , DVD หรือ แม้แต่ External Harddisk ด้วยทุกครั้ง

4. เวลาติดตั้งโปรแกรมเราควรอ่านให้ครบทุกหน้า เพราะบางโปรแกรมอาจมีการแนบให้ติดตั้ง Adware เข้ามาด้วยเสมอ

5. สแกนอีเมลหรือสแกนไฟล์ต่างๆ ที่ได้รับจาก อีเมล หรือ แม้แต่ Line เพื่อป้องกันการติดไวรัส

6. เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่น่าเชื่อถือ และจำไว้ว่าอินเทอร์เน็ต ฟรี สาธารณะ นั้นมีความเสี่ยงอยู่เสมอ

7. อย่าเข้าเว็บที่ล่อแหลมทั้งหลาย เช่น เว็บโป๊ เว็บแจกโปรแกรมฟรี เว็บกาสิโน ต่างๆ เพราะเว็บเหล่านี้มักมี ไวรัส หรือ Trojan แฝงเข้ามาด้วย

ผลิตภัณฑ์อินเทอร์เน็ต

คู่มือยอดนิยมสำหรับอินเทอร์เน็ต