เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน ‘ประกันภัย’ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงของชีวิต เป็นสิ่งรับประกันเมื่อเกิดความเสียหายแก่ชีวิตหรือทรัพย์สิน
การซื้อประกัน เราจะอยู่ในฐานะ ‘ผู้เอาประกันภัย’ นำความเสี่ยงไปฝากไว้กับ ‘ผู้รับประกันภัย’ คือบริษัทประกันภัย แนะนำว่าควรซื้อเบี้ยประกันตามกรมธรรม์ในเงื่อนไขที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองรถชน รถหาย ไฟไหม้ สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาล จ่ายเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ, ประกันรถยนต์ชั้น 3 ราคาถูกสุด เงื่อนไขการคุ้มครองน้อยกว่า แต่ข้อดีคือจ่ายเบี้ยประกันน้อยกว่าเช่นกัน เหมาะสมกับรถที่ไม่ค่อยใช้งานและผู้ขับขี่มีความชำนาญ หรือประกันสุขภาพ บางแผนช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลยามเข้าโรงพยาบาล เป็นต้น
เปรียบเทียบแล้ว การจ่ายเบี้ยประกันเพียงหลักพันหรือหลักหมื่น แต่คุ้มครองสูงสุดถึงหลักแสน (*แตกต่างตามวงเงินทุนประกัน) ถือเป็นช่องทางแบกรับความเสี่ยงแทนเราที่ดีมาก
1. ประกันชีวิต ประกันระยะยาว เช่น 5 ปี 7 ปี 10 ปีขึ้นไป ผู้ซื้อประกันจะจ่ายเบี้ยประกันรายเดือน ตามจำนวนที่ระบุในเงื่อนไข เมื่อเสียชีวิต จะได้รับเงินก้อนตามวงเงินแก่ผู้รับผลประโยชน์
2. ประกันสุขภาพ ประกันที่คุ้มครองกรณีผู้ซื้อประกันเจ็บป่วย บริษัทผู้รับประกันจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล เช่น เจ็บป่วย บาดเจ็บ หรือต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
3. ประกันอุบัติเหตุ ประกันที่คุ้มครองกรณีได้รับบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ พิการ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
4. ประกันภัยรถ ประกันคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ จ่ายชดเชยความเสียหายต่อตัวรถ สุขภาพ และชีวิตของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณี *ทั้งนี้รายละเอียดความคุ้มครองแตกต่างไปตามชั้นของประกัน
5. ประกันบ้าน คุ้มครองความเสียหายของบ้านจากไฟไหม้ น้ำท่วม ฟ้าผ่า คนบุกรุกบ้านจนเสียหาย มีที่พักชั่วคราวระหว่างไม่สามารถอาศัยที่บ้านได้ (ไม่เกิน 30 วัน)
6. ประกันการเดินทาง คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว
ประกันภัย คือ ข้อตกลงในการกระจายความเสี่ยงไปให้บริษัทประกันภัยที่เราซื้อเบี้ยประกันไปแบกรับ และบริหารความเสี่ยง เมื่อเกิดภัยที่เข้าเงื่อนไขที่ทำไว้กับผู้รับประกัน เช่น อุบัติเหตุรถชน เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล เสียชีวิต หรือบ้านไฟไหม้ ผู้เอาประกันก็จะได้รับเงินชดเชยจำนวนมากกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป ถือเป็นการลงทุนป้องกันความเสี่ยงที่คุ้มค่าทางหนึ่ง
ผู้รับประกันภัย หมายถึง บริษัทประกันภัยที่เราซื้อเบี้ยประกันภัย หรือที่เรียกว่ากรมธรรม์ โดยบริษัทมีหน้าที่คุ้มครอง จ่ายเงินสินไหมทดแทน หรือเงินชดเชยให้แก่เราในฐานะผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดเหตุเภทภัยตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์
ผู้เอาประกัน คือ บุคคลผู้ซื้อประกันหรือกรมธรรม์กับผู้รับประกันภัย และมีหน้าที่จ่ายเบี้ยประกันตามเงื่อนไขที่ระบุไว้จนครบ เมื่อเกิดเหตุ หรือเงื่อนไขตรงกับการจ่ายเงินที่กรมธรรม์กำหนดไว้ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินชดเชยและค่าสินไหมทดแทนตามที่ตกลงกันไว้
กรมธรรม์ คือ เอกสารสำคัญที่แสดงว่าผู้เอาประกันได้ซื้อประกันจากผู้รับประกัน เป็นหลักฐานการันตีว่า ผู้เอาประกันต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทน ความคุ้มครองกรณีต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ระบุจ่ายค่าชดเชยกรณีรถหาย รถไฟไหม้ ค่าเคลมอุบัติเหตุรถชน หรือค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต ผู้รับประกันก็จะต้องจ่ายจำนวนเงินตามที่เขียนไว้ในกรมธรรม์
ประกันภัย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ประกันชีวิต (Life Insurance) และ ประกันวินาศภัย (Non-Life Insurance)
1.ประกันชีวิต คือ กรมธรรม์ที่คุ้มครอง ‘ชีวิต’ เป็นการจ่ายเบี้ยระยะยาว เช่น 5 ปี 7 ปี 15 ปี เป็นหลักประกันว่าในกรณีเจ้าของกรมธรรม์เสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับเงินส่วนที่ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยไป
ทว่าประกันชีวิตเองยังมีรายละเอียดรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามแต่ละกรมธรรม์ บางชนิดไม่ได้คุ้มครองเฉพาะกรณีเสียชีวิต เช่น ประกันชีวิตที่เมื่อจ่ายเบี้ยประกันครบ เมื่อถึงกำหนดเวลาก็ได้เงินคืนเป็นก้อน, ประกันสุขภาพ ที่จ่ายเงินให้กรณีเจ็บป่วยล้มหมอนนอนเสื่อ
2.ประกันวินาศภัย คือ กรมธรรม์ที่คุ้มครองกรณีเหตุเกิดไม่คาดฝันที่กระทบต่อสุขภาพ ชีวิตและทรัพย์สิน ประกันวินาศภัยมี 4 ชนิดคือ