ขุด Litecoin ได้อย่างไร?
กระบวนการสร้างรายได้ที่จะมอบประสบการณ์แตกต่างไปจากเดิม
กระบวนการสร้างรายได้ที่จะมอบประสบการณ์แตกต่างไปจากเดิม
หากพูดถึงการเป็นเจ้าของคริปโตเคอเรนซีใด ๆ ก็ตามนั้น คุณอาจจะทำการซื้อมันผ่าน Exchange ต่าง ๆ ได้ไม่ยากนัก แต่ในทางกลับกันถ้าคุณอยากลองทำเหมืองขุด Litecoin เพราะคุณมีทั้งเวลาและทรัพยากรที่จำเป็นในการทำกำไร หรืออาจเป็นเพราะคุณต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย Litecoin หรือแม้แต่เพราะความอยากรู้อยากลองของคุณก็ตามที โดยบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงแนวคิด, การแนะนำคำศัพท์เบื้องต้น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ สำหรับการเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตนเอง
เนื่องจากการขุด Litecoin นั้นสิ่งสำคัญที่สุดจะขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการ และกลุ่มขุดของคุณ โดยข้อมูลต่อไปนี้อาจไม่ใช่การสอนทีละขั้นตอน แต่ถ้าหากคุณได้ทราบเหล่าตัวแปรต่าง ๆ แล้วนั้น จะเป็นไกด์ไลน์ที่ดีสำหรับการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดด้วยตนเองได้เช่นกัน
ในกระบวนการขุดนั้นจะใช้อัลกอริธึมที่เรียกว่า Proof-of-Work โดย Bitcoin และ Litecoin ต่างก็ใช้กระบวนการนี้บนเครือข่าย Blockchain ซึ่งจะเป็นการประมวลผลรายการธุรกรรมบนบัญชีแยกประเภทที่ปรากฎอยู่บนบล็อก โดยนักขุดจะได้รับข้อมูลธุรกรรมที่จะแสดงผลแบบเรียลไทม์โดยผู้เข้าร่วมหลายคนในเครือข่ายบนบล็อกล่าสุด ซึ่งพวกเขาจะทำการรวบรวมธุรกรรมเหล่านั้นเป็นโครงสร้างที่เรียกว่า “Merkle Tree” หรือ “Hash Tree” และจากนั้นนักขุดจะทำการประมวลผลเพื่อค้นหาแฮชที่เครือข่ายยอมรับ
“แฮช” นั้นจะได้มาจากการรันอัลกอริธึมการเข้ารหัสแบบทางเดียว (Hashing หรือฟังก์ชันแฮช) ร่วมกับกลุ่มชุดข้อมูล (Input) โดยแฮชจะมีความยาวของชุดตัวเลขกับตัวอักษรเท่าใดก็ได้ และทุก ๆ แฮชในแต่ละบล็อกจะแตกต่างออกไปจนไม่สามารถจำได้ แต่เนื่องจากในทุก ๆ บล็อกนั้นจะมีข้อมูลแฮชของบล็อกก่อนหน้าอยู่แล้ว (Previous Block Hash) ซึ่งทำให้เครือข่ายจะสามารถทราบได้ทันทีหากมีคนพยายามแทรกธุรกรรมปลอมบนบล็อก
เหตุผลที่นักขุดต้องเรียกใช้ฟังก์ชันแฮชซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่คอมพิวเตอร์สมัยนี้น่าจะทำให้ฟังก์ชันแฮชมันง่ายขึ้นกว่านี้ได้ เพราะเนื่องมาจากระบบต้องการป้องกันสิ่งที่เรียกว่า “Double-Spend” หรือ “การทำธุรกรรมซ้ำกัน 2 ครั้งในเงินก้อนเดียวกัน” ซึ่งหากผู้โจมตีที่กำลังรอการประมวลผลรายการธุรกรรมของตนเองอยู่ แต่ในขณะเดียวกันเขากลับนำเอาเหรียญในรายการนั้นไปใช้จ่ายซ้ำอีกรอบโดยไม่มีการบันทึกประวัติการทำรายการใหม่ เพราะเหตุนี้ระบบจึงต้องสร้างการแข่งขันค้นหาแฮชเป้าหมายที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้การประมวลผลนั้นยากตามไปด้วย และเพื่อป้องกันการก่อกวนบนบันทึกธุรกรรมที่อาจจะมีคนนำเอาเหรียญไปใช้ซ้ำได้
Input ในแต่ละบล็อกที่จะต้องนำไปเข้าฟังก์ชันแฮชนั้นจะได้รับเพียงชุดเดียว และจะได้รับ Output เป็นแฮชเป้าหมายเพียงชุดเดียวเช่นกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่า Input จะไม่ถูกดัดแปลง หรือแม้แต่การเปลี่ยนตัวเลขเพียงตัวเดียวในนั้น
การใช้ฟังก์ชันแฮชนั้น ชุดข้อมูลจะสร้าง Output แฮชเป้าหมาย เพียงรายการเดียวเท่านั้น จากนั้นนักขุดจะต้องสุ่มตัวเลขที่ไม่มีความหมายมาต่อกับข้อมูลของทั้งบล็อก ซึ่งเรียกตัวเลขนั้นว่า “Nonce” และจากนั้นก็ทำการเรียกใช้ฟังก์ชันแฮชไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้แฮชที่ออกมาตรงกับ Output โดยความยากนั้นจะอยู่ที่นักขุดจะต้องสุ่มหา Nonce ที่ลงตัวกับข้อมูลของบล็อก ที่เมื่อใช้ฟังก์ชันแฮชแล้วจะได้ตรงตาม Output ก็จะถือว่าชนะการแข่งขัน
หากพูดถึงกฎของการชนะการแข่งขันนั้น จะไม่ได้เป็นการหาแฮชที่ตรงกัน 100% เสมอไป เพียงแค่นักขุดสามารถหาแฮชที่มีขนาดเล็กกว่า หรือมีค่าน้อยกว่าแฮชเป้าหมายได้ ก็จะถือว่าชนะการแข่งขันเช่นเดียวกัน โดยรางวัลที่ผู้ชนะจะได้รับในปัจจุบันคือ 25 Litecoin และรวมกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมใด ๆ ที่อยู่ภายในบล็อกอีกด้วย
เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า Nonce ชุดใดจะสามารถสร้างแฮชที่ต่ำกว่าแฮชเป้าหมายได้ ดังนั้นผลลัพธ์แฮชของนักขุดจึงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยสองประการด้วยกันคือ “โชค” ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุม และ “พลังการประมวลผล” ซึ่งจะได้เปรียบมากหากคอมพิวเตอร์ของคุณมีสมรรถนะสูง และเพื่อเพิ่มพลังการประมวลผลที่สูงสุด นักขุดบางกลุ่มได้พัฒนาอุปกรณ์พิเศษเพื่อที่จะผ่านฟังก์ชันแฮชให้เร็วที่สุด โดยการรวบรวมเหล่าเครื่องจักรจำนวนมหาศาล รวบรวมทรัพยากร และรวมกำลังกันเพื่อการขุดเหรียญ ในสถานที่ที่มีพลังงานไฟฟ้าราคาถูก เพื่อที่จะได้กำไรสูงสุด
ในเดือนตุลาคม ปี 2011 Charlie Lee ผู้ซึ่งเคยเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ของ Google ได้ประกาศว่าจะสร้าง Litecoin ที่เปรียบเสมือนการโคลนนิ่ง Bitcoin โดยมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของการปรับขนาดบล็อกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และใน 7 ปีต่อมา Litecoin ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่มากกว่า Altcoin ที่พัฒนาขึ้นในยุคแรกเริ่มเหมือนกัน
ในขณะนี้ราคาของ Litecoin มีมูลค่าประมาณ 6,000 บาท โดยลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับสูงสุดที่ประมาณ 12,000 บาทในเดือนพฤษภาคม ปี 2021 และตัว Litecoin นั้นมีเวลากำเนิดบล็อกใหม่เพียง 2.5 นาทีเท่านั้น ซึ่งในขณะที่บล็อกของ Bitcoin จะเกิดทุก ๆ 10 นาที จึงถือได้ว่ามีความเร็วกว่า Bitcoin ถึง 4 เท่าด้วยกัน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้การทำธุรกรรมผ่าน Litecoin นั้นใช้เวลาน้อยกว่ามากถึงแม้จะมีคุณสมบัติหลายประการที่เปรียบเสมือนกับ “Bitcoin เวอร์ชัน Lite”
“Litecoin: Bitcoin เวอร์ชัน Lite”
อย่างไรก็ตามในการขุด Litecoin นั้นจะใช้หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ของคอมพิวเตอร์ โดย Lee ได้นำฟังก์ชันที่ชื่อว่า “Scrypt Hash” จาก Tenebrix มาใช้เป็นระบบหลัก ซึ่งถือว่าเป็นคริปโตประเภท Altcoin ตัวแรกที่นำระบบนี้มาใช้แทนฟังก์ชัน SHA-256 ของ Bitcoin โดยในช่วงแรก ๆ Bitcoin ก็สามารถขุดได้โดยใช้เพียงแค่ CPU เช่นกัน แต่ในปี 2011 ได้มีอัตราการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น และวิธีเดียวที่จะขุด Bitcoin ให้มีกำไรได้มาก คือการใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) เท่านั้น ซึ่งในการเลือกใช้อัลกอริธึม Scrypt ในการขุด Litecoin นั้นยังคงใช้แค่ CPU ได้อยู่ แต่ Lee ได้ระบุว่าในอีกไม่ช้า GPU ก็จะถูกใช้ในการขุด Litecoin เช่นเดียวกัน เนื่องจากในปัจจุบันนี้นักขุด Bitcoin เริ่มหันไปใช้ฮาร์ดแวร์ที่ชื่อว่า ASIC หรือวงจรรวมเฉพาะแอพพลิเคชัน ในการขุด Bitcoin แทนการใช้ GPU แล้ว
Lee ได้กล่าวในเดือนมีนาคม ปี 2017 ถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นได้นำพาความสำเร็จมาสู่ Litecoin ว่า “Litecoin นั้นโชคดีมากที่เมื่อการขุด Bitcoin ได้ย้ายจาก GPU ไปเป็น ASIC ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้นักขุดที่ยังคงต้องการใช้ GPU ในการขุดอยู่จะมองหาเหรียญตัวใหม่มาแทนที่ Bitcoin และในขณะนั้น Litecoin ก็คงจะเปลี่ยนจากการใช้ CPU ไปเป็น GPU เรียบร้อยแล้ว” แต่อย่างไรก็ตามไม่นานนัก ASIC นั้นได้รับการพัฒนาสำหรับการใช้งานอัลกอริธึม Scrypt อีกด้วย และคงเป็นเรื่องที่ยากขึ้นหากการใช้ฮาร์ดแวร์ตัวอื่นจะไม่สามารถทำกำไรได้เท่ากับการใช้ ASIC
ASIC ยอดนิยมที่ใช้อัลกอริธึม Scrypt สำหรับการขุดคือ Antminer L3+ ของบริษัท Bitmain ซึ่งมักจะขายหมดแทบจะในทันทีที่ลงประกาศขายบนเว็บไซต์ โดยทาง Bitmain จะรองรับการชำระเงินด้วย Bitcoin Cash (BCH) และการโอนเงินผ่านธนาคารในสกุลเงิน USD
นอกจากนี้ยังมีบริษัทคู่แข่งอย่าง Innosilicon ที่เปิดรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า A4+ LTCMaster พร้อมด้วยตัวเลือกอื่น ๆ อีกมากมาย โดย ASIC ทั่วไปจะมีราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 2000 USD และยังขายหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ ASIC ที่เก่ากว่าอาจไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยากที่จะทำกำไร แต่อย่างไรก็ตาม Scrypt ASIC นั้นยังสามารถใช้เพื่อขุดเหรียญอื่น ๆ ได้หากเหรียญนั้นใช้อัลกอริธึมเดียวกัน โดยคุณสามารถเลือกเหรียญที่ทำกำไรได้มากที่สุด เพื่อขุดตามมูลค่าและความยากง่ายได้เช่นกัน
เข้าร่วมอุตสาหกรรมเหมืองดิจิทัลได้ง่ายดายด้วยการขุด Litecoin
หากคุณทำเหมืองด้วย ASIC นั้นทางบริษัทจะมีการติดตั้งซอฟต์แวร์การขุดไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว แต่หากคุณทำเหมืองด้วย CPU หรือ GPU คุณจะต้องเลือกซอฟต์แวร์ของคุณเอง โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เนื่องจากแพ็กเกจซอฟต์แวร์อาจมีมัลแวร์แฝงอยู่ได้ ซึ่งซอฟต์แวร์ปฏิบัติการอย่าง GUI หรือ Graphical User Interface นั้นอาจไม่ได้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้นคุณอาจต้องใช้ Command Line ที่ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และ Pool ของคุณแนะนำเท่านั้น ซึ่งไม่ควรทำตามคำแนะนำจากแหล่งที่คุณไม่เชื่อถือ เพราะมันสามารถสร้างความเสียหายกับระบบของคุณได้โดยการใช้ Command Line ปลอมเพื่อหลอกลวงเหล่าคนที่ไม่มีประสบการณ์ได้เช่นกัน
เมื่อคุณทำการตัดสินใจได้แล้วว่าจะใช้ฮาร์ดแวร์ใดในการขุด จากนั้นขั้นตอนต่อมาคุณจะต้องตัดสินใจว่าจะขุดอย่างไร ได้แก่ การขุดเป็นกลุ่ม (Pool) หรือการขุดคนเดียว (Solo) โดยทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเลือกที่จะขุดคนเดียวนั้น อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของการใช้เวลานานในการค้นหาบล็อก โดยเมื่อคุณพบบล็อกที่จะขุดแล้ว คุณจะสามารถเก็บผลตอบแทนจำนวน 25 Litecoin พร้อมค่าธรรมเนียมบนบล็อกได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณต้องการขุดคนเดียวก็จะต้องใช้พลังประมวลผลแฮชที่สูงมาก (ASIC หลายตัว) ซึ่งหมายความว่าการใช้เพียงแค่ CPU หรือ GPU นั้นคุณจะไม่มีโอกาสได้รับ Litecoin เลย
แต่ถ้าหากคุณเลือกแบบกลุ่ม ซึ่งในกลุ่มจะเต็มไปด้วยนักขุดจำนวนมากมารวมกัน และแจกจ่ายรายได้ตามกำลังประมวลผลแฮชที่ได้มอบให้กับกลุ่ม โดยการร่วมกันขุดนั้นจะขึ้นอยู่กับโอกาสที่หลากหลาย เช่น กลุ่มของคุณอาจประมวลผลชนะได้ถึง 3 บล็อกจากทั้งหมด 10 บล็อก แต่หลังจากนั้นอาจต้องรอไปอีก 200 บล็อกกว่าที่จะประมวลผลจนชนะการแข่งขันได้อีกครั้ง ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้นั้นก็เกือบจะคงที่ แต่ข้อเสียคือคุณจะได้รับส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในอีกแง่มุมหนึ่งของการขุดแบบกลุ่มคือ คุณต้องพิจารณาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจมีหลายกลุ่มที่มีชื่อเสียงไปในทางที่ดีเยี่ยม แต่บางกลุ่มก็อาจอยู่ในลิสต์ที่มีความน่าสงสัยจนไปถึงการเป็น Scammer ได้เช่นกัน หรือแม้แต่กลุ่มที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงไปในทางที่ดีก็สามารถตกเป็นเหยื่อของแฮ็กเกอร์ได้ ซึ่งหากคุณตัดสินใจจะเข้าร่วมขุดแบบกลุ่ม อย่าลืมที่จะศึกษาประวัติ รีวิวของลูกค้า และลูกทีมทุกคน โดยรูปภาพต่อไปนี้คือพลังการประมวลผลของกลุ่มขุดต่าง ๆ ที่จะอัปเดตแบบเรียลไทม์
*TH/s คือหน่วยการประมวลผลแฮช Terahash / second หรือเทระแฮชต่อวินาที
*Tera มีค่าเท่ากับ 1 ล้านล้าน
ที่มา: litecoinpool.org ณ วันที่ 3/9/2021
ประการสุดท้ายที่คุณต้องคำนึงถึงคือ ระดับความคึกคักของตลาดและกลุ่มขุดที่คุณต้องการเข้าร่วมด้วย เนื่องจากหากตลาดมีความคึกคักมากเท่าใดโอกาสที่คุณจะได้เข้าร่วมกับกลุ่มใหญ่ก็มีมากขึ้นเท่านั้น และข้อดีของการอยู่ในกลุ่มใหญ่คือ เป็นการเพิ่มโอกาสในการค้นหาบล็อกได้บ่อยครั้งและทำกำไรได้บ่อยขึ้นเช่นกัน แต่ถ้าหากกลุ่มของคุณมีพลังประมวลผลแฮชขนาดใหญ่เกิน 51% นั้นจะแสดงถึงความเสี่ยง ซึ่งอาจทำให้ความเชื่อมั่นของ Litecoin ลดลงถึงแม้กลุ่มของคุณจะไม่มีจุดประสงค์ในการโจมตีระบบก็ตาม
ซึ่งด้วยความเสี่ยงดังกล่าวนี้ Lee ได้กล่าวอีกว่า “ในการทำเหมืองแบบรวมกลุ่มนั้น อาจเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายรัฐบาลหรือหน่วยงานใด ๆ สามารถเข้าหากลุ่มเหล่านั้นได้ และบังคับให้พวกเขาทำสิ่งที่จะเกิดผลร้ายต่อตัวเหรียญได้เช่นกัน”
การเลือก Wallet ให้เป็นพื้นที่ที่ใช้ในการจัดเก็บ Litecoin นั้นมีตัวเลือกมากมาย โดยหากจะพิจารณาจากในแง่ของความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้มีความสมดุลระหว่างกันนั้น สำหรับ Litecoin แล้วก็คงต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า “Litecoin Core” มาใช้เพื่อจัดเก็บได้ โดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 15 GB เนื่องจากมันจะทำการโหลด Blockchain ของ Litecoin เข้ามาทั้งหมด ซึ่งหลักการทำงานของมันคือเป็นซอฟต์แวร์ Wallet ที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับการจัดเก็บ Litecoin โดยมีข้อบ่งชี้มากมายว่าค่อนข้างปลอดภัย และมีความสามารถในการรับส่ง Litecoin ที่สะดวกสบายอีกด้วย
โดยการทำงานของซอฟต์แวร์จะเป็นแบบ “Full Node” (สำเนาเต็มรูปแบบที่จะซิงค์มาจาก Blockchain โดยตรง) ซึ่งมันช่วยให้ Litecoin ทำงานแบบกระจายศูนย์อำนาจได้เหมือนกับคริปโตเคอเรนซีทั่วไป และมันจะทำงานในรูปแบบนั้นเสมอไม่ว่าคุณจะทำเหมืองหรือไม่ก็ตาม
ในทางกลับกันถ้าหากคุณพิจารณาเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการดีที่สุดที่จะเก็บ Litecoin เอาไว้ใน Cold Wallet อย่างน้อยหนึ่งกระเป๋าที่จะไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยบางคนอาจใช้ Wallet ในรูปแบบที่จับต้องได้อย่าง “Paper Wallet” ที่แสดงเป็น QR Code หรือสตริงของตัวเลขและตัวอักษรก็ได้ แต่ก็มีบางคนที่สนับสนุนการใช้ “Brain Wallet” ที่เป็นการจดจำรหัสด้วยตนเอง ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ “Seed Phrase” หรือ “Seed Word” ที่จะเป็นกลุ่มประโยคหรือกลุ่มคำแบบสุ่มที่สามารถนำไปใช้เพื่อสร้าง Private Key ขึ้นใหม่ทุกครั้งที่เปิดใช้งาน
ในอีกด้านหนึ่งคือการใช้แพลตฟอร์ม Exchange ที่จะมอบประสบการณ์ที่สะดวกที่สุดให้กับผู้ถือครองคริปโตเคอเรนซี โดยการถือครอง Litecoin นั้นจะสามารถ Swap เป็นสกุลเงินดั้งเดิม (Fiat Currency) ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำการจัดเก็บไว้ใน Wallet ภายใน Exchange ได้เช่นเดียวกัน แต่คุณก็จะต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของ Exchange ด้วย เนื่องจากในบางครั้งแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็มีการปิดใช้งานการซื้อขายชั่วคราวเพื่อปรับปรุงระบบ ซึ่งอาจทำให้คุณเสียโอกาสได้เช่นกัน
ในขณะนี้คุณอาจจะกำลังตึงเครียดกับการเลือกกลุ่มขุด Litecoin หรืออาจจะกำลังวุ่นวายอยู่กับการหาข้อมูล Wallet หรือคุณอาจจะกำลังกังวลว่าอาจมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครอบครองเครือข่ายไปแล้วมากกว่า 50% แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่ในขั้นตอนใดก็ตามนั้น สำหรับบนเครือข่ายของ Litecoin แล้ว สิ่งที่สามารถวัดความน่าเชื่อถือ และศักยภาพของการทำงานคงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างแรกมากกว่า
ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้มีกระบวนการตั้งค่าต่าง ๆ หากต้องการเป็นนักขุด โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้มีมาตรการที่ซับซ้อนใด ๆ ซึ่งในการทำเหมืองนั้นจะถือว่าคุณเป็น “นักขุด” ที่ใช้ “Worker” ในการขุด ยกตัวอย่างดังนี้
การคำนวณความสามารถในการทำกำไรของการขุด Litecoin ของคุณนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการด้วยกัน ได้แก่ อัตราการประมวลผลแฮช ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ ค่าไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าของฮาร์ดแวร์ และราคาของ Litecoin โดยในปัจจุบันนี้มีเครื่องคำนวณความสามารถในการทำกำไรจากการขุดทางออนไลน์มากมายให้เลือกใช้ เพื่อช่วยเหลือคุณในส่วนนี้ เช่น CoinWarz เป็นต้น