Connect with us

ตลาดกระทิงและตลาดหมี (Bull and Bear Market)

ทำความเข้าใจสภาวะของตลาดเพื่อเสริมกลยุทธ์การลงทุนให้แข็งแกร่ง

สภาวะของตลาดที่บ่งบอกด้วย “กระทิงและหมี”

ในโลกของการลงทุนนั้น คำว่า “กระทิง” และ “หมี” มักใช้เพื่อบ่งบอกถึงสภาวะตลาดการเงินใด ๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้แต่คริปโต โดยคำศัพท์เหล่านี้จะอธิบายว่าแนวโน้มของตลาดการเงินกำลังดำเนินไปอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปไม่ว่าตลาดจะแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงก็ตามในฐานะนักลงทุนแล้วนั้น ทิศทางของตลาดคือสิ่งสำคัญที่อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพอร์ตการลงทุนได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำความเข้าใจว่าในแต่ละสภาวะตลาดจะส่งผลอย่างไรต่อการลงทุนของคุณ

จุดเด่น

  • ตลาดกระทิงเป็นตลาดที่กำลังเติบโตและอยู่ในสภาวะที่ดี ในขณะที่ตลาดหมีจะอยู่ในสภาวะที่ตลาดกำลังถดถอย
  • สภาวะของตลาดทั้ง 2 ประเภท มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนอย่างมาก
  • ที่มาของคำศัพท์ดังกล่าว มาจากท่าทางการต่อสู้ของหมีและกระทิง

พฤติกรรมของตลาดกระทิงและตลาดหมี

เนื่องจากแนวโน้มของตลาดสำหรับนักลงทุนแล้วนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจเพื่อการลงทุน จึงมีการใช้คำนิยามทั้งสองนี้เพื่อเรียกแทนพฤติกรรมของตลาด และใช้แสดงแนวโน้มของตลาดว่าจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด

โดยตลาดกระทิงจะปรากฎให้เห็นในช่วงที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกรณีนี้จะหมายถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตาม และในช่วงเวลาดังกล่าวนักลงทุนมักมีความเชื่อว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่จะดำเนินต่อไปในระยะยาว ซึ่งในทางตรงกันข้ามนั้นตลาดหมีเป็นช่วงของราคาที่ตกต่ำ โดยจะถือว่าตลาดหมีเกิดขึ้นอย่างแท้จริงเมื่อมูลค่าตลาดลดลงไป 20% หรือมากกว่านั้นเมื่อเทียบจากระดับสูงสุดที่อยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งในช่วงที่ราคาในตลาดจะลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น หากนักลงทุนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมไปในทิศทางเดียวกันก็จะส่งผลให้ราคาร่วงต่ำลงไปอีกได้ ตัวอย่างเช่น การถอนเงินออกมาจากตลาดเพื่อรักษาเงินทุนของตนเองไว้

หากพูดถึงตลาดกระทิงในวงการคริปโตโดยอ้างอิงตามทฤษฎี Dow Theory ที่ระบุว่า “การที่ราคาสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องถึงแม้จะมีการย่อตัวลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถือว่ายังเป็นช่วงของขาขึ้นอยู่” เช่น ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นจาก 32,000 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 40,000 ดอลลาร์ จากนั้นก็มีการย่อตัวลงมาที่ 38,000 ดอลลาร์ และได้ดีดตัวขึ้นไปที่ 48,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะเห็นว่ามีการย่อตัวสลับกันอยู่บ้าง แต่ก็สามารถทำราคาสูงสุดอยู่ที่ 57,000 ดอลลาร์ได้ ซึ่งราคาที่ปรับขึ้นทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 และจะเห็นว่าภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนราคา Bitcoin ปรับสูงขึ้นเกือบเท่าตัวสลับกับการย่อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยพฤติกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่านี่คือ “สภาวะตลาดกระทิง”

Bull and Bear market | ข่าวโดย Tadoo

ในทางกลับกันตลาดหมีก็จะเป็นตลาดที่ราคาย่อตัวลง และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ของราคาอย่างต่อเนื่อง เช่น ราคาของ Bitcoin จาก 64,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดที่เคยไต่ไปถึงในปี 2021 นี้ จากนั้นราคาได้ลดลงต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ และมีได้การดีดตัวขึ้นมาที่ 58,000 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายราคาก็ปรับลงไปต่ำสุดที่ 28,800 ดอลลาร์ โดยจะเห็นได้ว่าราคาย่อตัวลงเรื่อย ๆ และไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ซึ่งราคาที่ปรับลงมากกว่าเท่าตัวในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือนนั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านี่คือ “สภาวะตลาดหมี”

Bull and Bear market | ข่าวโดย Tadoo

ลักษณะของตลาดกระทิงและตลาดหมี

อุปสงค์และอุปทาน
ในตลาดกระทิงจะมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และอุปทานที่อ่อนแอต่อตัวสินทรัพย์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือนักลงทุนจำนวนมากต้องการซื้อสินทรัพย์ และมีนักลงทุนเพียงจำนวนน้อยที่ยินดีขาย ซึ่งเป็นผลให้กลไกราคาจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น

แต่ในตลาดหมีจะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยอุปสงค์จะต่ำกว่าอุปทานอย่างมาก และผู้คนต้องการที่จะขายมากกว่าที่จะซื้อ ซึ่งจะส่งผลให้กลไกราคาตกต่ำลงได้เช่นเดียวกัน

จิตวิทยานักลงทุน
เนื่องจากพฤติกรรมของตลาดได้รับอิทธิพล และถูกควบคุมโดยวิธีที่ผู้คนรับรู้และตอบสนองต่อพฤติกรรมของมัน ซึ่งจิตวิทยาของนักลงทุนและความเชื่อมั่นนั้น จะส่งผลต่อไปยังราคาตลาดว่าจะขึ้นหรือจะลงได้อีกด้วย โดยประสิทธิภาพของตลาดและจิตวิทยาของนักลงทุนในช่วงตลาดกระทิงนั้นจะพึ่งพาซึ่งกันและกัน ซึ่งนักลงทุนก็จะต้องเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของตลาด โดยหวังว่าจะได้รับผลกำไรจากการเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มเข้ามาในช่วงที่ราคาตลาดกำลังไปได้ดี

แต่ในขณะเดียวกันสภาวะตลาดหมี ที่สื่อถึงความเชื่อมั่นต่อตลาดของนักลงทุนที่เป็นไปในทางลบ ซึ่งนักลงทุนจะเริ่มย้ายเงินออกจากตลาด และถือเงินสดไว้ในขณะที่รอสัญญาณความเคลื่อนไหวของตลาดกลับมาในเชิงบวก โดยสรุปแล้วราคาสินทรัพย์ในตลาดที่ตกต่ำลง จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดเริ่มสั่นคลอนเช่นกัน เมื่อนักลงทุนเริ่มเอาเงินออกจากตลาดจึงเป็นเหตุให้กลไกราคาลดต่ำลงตามการไหลออกของเงินสดด้วย

“กระทิงขวิดขึ้น หมีตบลง พฤติกรรมการต่อสู้ที่นำมาใช้บอกสภาวะตลาด”

การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด

หากพูดถึงปัจจัยที่เข้ามาเป็นตัวกำหนดหลักว่าเป็นตลาดกระทิงหรือตลาดหมีนั้น ไม่ได้มีเพียงปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในตลาดเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของประสิทธิภาพของตลาดในระยะยาวว่าเป็นอย่างไร รวมไปถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่แสดงถึงแนวโน้มระยะสั้นที่อาจเป็นเพียงการปรับฐานของตลาดก็ได้ และการบอกว่ามีตลาดกระทิงหรือตลาดหมีหรือไม่นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถสังเกตได้เฉพาะช่วงเวลาที่เหตุการณ์ในตลาดเกิดขึ้นในระยะยาวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกการเคลื่อนไหวที่ยาวนานในตลาดจะสามารถระบุได้ว่านี่เป็นสภาวะตลาดใด ซึ่งในบางครั้งตลาดอาจจะต้องผ่านช่วงที่ซบเซาหลังจากที่ทำราคาสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง และตลาดพยายามหาทิศทางให้ตนเองว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใดต่อไป ซึ่งในช่วงเวลาแบบนี้ตลาดอาจมีแนวโน้มคงที่ หรือที่เรียกกันว่าการ “Sideway”

โดยกล่าวได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำหนดจังหวะของสภาวะตลาดให้ถูกต้อง และสมบูรณ์แบบ ซึ่งการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดก็สำคัญ ถึงแม้อาจเป็นแค่เพียงการวิเคราะห์เบื้องต้น แต่ก็เป็นวิธีที่อ้างอิงโดยองค์ความรู้และพื้นฐานความเป็นจริงในตลาด โดยสามารถวิเคราะห์ได้จากวิธีเหล่านี้ เช่น

วิเคราะห์จากกราฟแท่งเทียน
กราฟแท่งเทียน (Candle Stick) เป็นเครื่องมือที่ช่วยบ่งชี้สภาวะของตลาดได้เป็นอย่างดี โดยจะต้องพิจารณาจากกราฟที่ใช้ไทม์เฟรมหรือช่วงระยะเวลาที่บ่งบอกพฤติกรรมตลาด ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ไทม์เฟรมระดับ Day หรือ Week เป็นตัวบ่งบอกแนวโน้ม

ถ้าเกิดแท่งสีเขียวใหญ่จะเรียกว่า Big White และหากเกิดอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกิดแท่งสีแดงเลย ก็จะมีคำศัพท์เฉพาะที่เรียกว่า “Three White Soldiers” หรือ “สามทหารเสือ” โดยกราฟลักษณะนี้จะอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือสภาวะตลาดกระทิง

Bull and Bear market | ข่าวโดย Tadoo

แต่ในทางกลับกันหากมีแท่งเทียนสีแดงขนาดใหญ่เกิดขึ้นสามแท่งต่อเนื่องกัน โดยจะมีศัพท์เฉพาะว่า “Three Black Crows” หรือ “อีกาสามตัว” ซึ่งราคามีจุดต่ำสุดลงเรื่อย ๆ ซึ่งนี่จึงเป็นสัญญาณของสภาวะตลาดหมี

Bull and Bear market | ข่าวโดย Tadoo

ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ปริมาณการซื้อขาย (Volume Trading) จะบ่งบอกความคึกคักของตลาดว่าเป็นไปในทิศทางใด ยิ่งมี Volume มากแสดงว่าตลาดมีความคึกคักมาก และมีโอกาสที่จะส่งผลให้มีการปรับตัวขึ้นของราคา หรือการปรับตัวลงของราคาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปริมาณการซื้อขายก็จะสามารถบ่งบอกถึงสภาวะของตลาดได้ในระดับหนึ่ง

คุณสามารถตรวจสอบปริมาณการซื้อขายของคริปโตที่สนใจได้ที่เว็บไซต์ CoinMarketCap ซึ่งบนเว็บไซต์จะแสดงปริมาณการซื้อขายใน 24 ชั่วโมงล่าสุดว่ามีปริมาณหมุนเวียนและมีมูลค่าเท่าไหร่

มูลค่าเปลี่ยนแปลงมากกว่า 20%
ย้อนไปในตัวอย่างของหัวข้อพฤติกรรมของตลาดกระทิงและตลาดหมี ซึ่งจะเห็นได้ว่าทิศทางของราคา Bitcoin ที่ไม่ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นหรือลดต่ำลงก็ตาม ต่างก็มีอัตราปรับตัวที่สูงกว่า 20% เมื่อเทียบจากจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดที่เคยไปถึงในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน โดยสิ่งนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ใช้บ่งชี้ได้ว่าขณะนี้ตลาดอยู่ในสภาวะใด

พฤติกรรมของตลาดส่งผลโดยตรงต่อจิตวิทยาการลงทุน ควรจับสัญญาณให้ดี

ควรทำอย่างไรในแต่ละสภาวะตลาด

ในตลาดกระทิงสิ่งที่นักลงทุนควรทำคือใช้ประโยชน์จากราคาที่ปรับสูงขึ้น โดยเข้าซื้อสินทรัพย์ตั้งแต่ช่วงแรกของทิศทางตลาด (หากเป็นไปได้) แล้วจึงปล่อยขายเมื่อคิดว่าถึงจุดสูงสุดของราคา ซึ่งในช่วงตลาดกระทิงนี้การขาดทุนควรเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือไม่ควรเกิดขึ้นเลย เพราะโดยทั่วไปนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในตลาดอยู่แล้วว่าเขาจะได้รับผลกำไรอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามในตลาดหมี โอกาสในการขาดทุนนั้นมีมากเนื่องจากราคาสินทรัพย์ในตลาดสูญเสียมูลค่าอย่างต่อเนื่อง และเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าจุดจบของมันอยู่ที่ใด ถึงแม้ว่าคุณจะทำการตัดสินใจเข้าลงทุนก็มักจะขาดทุนก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัว ดังนั้นสิ่งที่พอจะทำได้ในสภาวะตลาดหมีเช่นนี้ ก็คือ “การเทรดแบบ Short” ที่สามารถทำกำไรในช่วงตลาดขาลงได้ แต่ทั้งนี้คุณจะต้องวิเคราะห์ทิศทางตลาดให้แน่ใจก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะถ้าหากราคาวิ่งสวนทางเพียงนิดเดียวคุณก็อาจจะขาดทุนได้ทันทีเช่นกัน

สรุปปิดท้าย

ทั้งตลาดหมีและตลาดกระทิงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการลงทุนไม่ว่าจะในตลาดการเงินประเภทใด ดังนั้นคุณควรใช้เวลาในการพิจารณาว่าตลาดกำลังทำอะไร และเมื่อตัดสินใจลงทุนแล้วโปรดตระหนักไว้ว่า “ในระยะยาวนั้นทุกตลาดการเงินให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกเสมอ” ซึ่งหากคุณพอใจในผลกำไรจำนวนนั้นแล้วก็สามารถปล่อยขายได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ราคาถึงจุดสูงสุดใหม่เพื่อผลกำไรที่มากที่สุด เพราะทุกตลาดสามารถทำสถิติราคาใหม่ได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว นอกจากนั้นแล้วการเข้าซื้อแบบถัวเฉลี่ยอาจจะปลอดภัยกว่าในระยะยาวอีกด้วย

ประเภทของประกันรถยนต์

ประกันชั้น 1

เพิ่มเติม

ประกันชั้น 2+

เพิ่มเติม

ประกันชั้น 3+

เพิ่มเติม

พ.ร.บ.รถยนต์

เพื่มเติม

ทิปดีๆ เกี่ยวกับประกันรถยนต์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันรถยนต์

เพิ่มเติม

วิธีคำนวนเบี้ยประกันรถยนต์

เพิ่มเติม

ทำอย่างไรให้ได้เบี้ยประกันลดลง

เพิ่มเติม

ประกันที่เหมาะกับมือใหม่

เพิ่มเติม

หลังเกิดอุบัติเหตุรถชน ควรทำอย่างไร

เพิ่มเติม

เมาแล้วขับ

เพิ่มเติม

ไม่เคลม รับส่วนลดเบี้ยประกัน

เพิ่มเติม

รถมีประกันหรือเปล่า

เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์เปิดปิด

เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์สำหรับคนขับอายุน้อย

เพิ่มเติม

ปัญหาสุขภาพกับการขับรถ

เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า

เพิ่มเติม

กุญแจรถหาย ลืมกุญแจไว้ในรถ ประกันรถยนต์ช่วยอย่างไรได้บ้าง

เพิ่มเติม