(รีวิว) Binance แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชั้นนำระดับโลก
แพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการซื้อขาย
แพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการซื้อขาย
คลิกที่นี่ เพื่อรับเงินคืน 5% ของค่าคอมมิชชั่น
หนึ่งในตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกและได้รับความนิยมสูง เนื่องจากมีฟังก์ชันให้เลือกใช้งานค่อนข้างหลากหลาย อีกทั้งยังมีจำนวนคริปโตหลากหลายสกุล และอัตราค่าธรรมเนียมค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตเจ้าอื่น นอกจากนี้ทางแพลตฟอร์มยังได้มีการเปิดตัวระบบนิเวศ Blockchain ของตนเองที่ใช้ชื่อว่า “Binance Smart Chain (BSC)” อีกด้วย โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญในการเชื่อมต่อสายโซ่ระหว่าง Binance Chain สายเดิมเข้าด้วยกัน รวมไปถึงความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานของโทเคน BNB และการเปิดพื้นที่ให้นักพัฒนาเข้ามาร่วมสร้างแอพพลิเคชัน Dapps หรือโครงการ DeFi ได้อีกด้วย
ข้อมูลบริษัท | ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2560 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศฮ่องกง ผู้ก่อตั้ง Changpeng Zhao |
รูปแบบแพลตฟอร์ม | Website: www.binance.com/th Application: Binance รองรับระบบ Android และ iOS (Download: Android / iOS) |
ความสะดวกในการใช้งาน | Website: ระดับปานกลาง Application: ระดับง่าย |
ระยะเวลายืนยันการเป็นสมาชิก | 1 วัน |
สกุลเงินที่รองรับ | AED, ARS, AUD, BRL, CAD, CHF, CZK, DKK, EUR, GBP, GHS, HKD, HUF, INR, JPY, KES, KZT, MXN, NGN, NOK, NZD, PEN, PLN, RUB, SEK, TRY, UAH, UGX, USD, VND, ZAR และอื่น ๆ |
ช่องทางการชำระเงิน | สามารถโอนเงินผ่านธนาคารระหว่างประเทศ หรือชำระผ่าน Credit Card, Debit Card และ SWIFT |
ค่าธรรมเนียมต่างๆ |
|
จำนวนคริปโตที่รองรับ | 386 สกุล (อ้างอิงข้อมูล CoinMarketcap.com วันที่ 20/9/2564) |
Binance เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการการลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income หลากหลายประเภท และในแต่ละประเภทก็มีผลิตภัณฑ์แยกย่อยออกไปอีก ซึ่งถือได้ว่าแค่แพลตฟอร์มเดียวก็ครอบคลุมการลงทุนเกือบจะทุกรูปแบบที่มีในวงการคริปโตก็ว่าได้ และแน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงความสะดวกในการใช้งานเลยหากทางแพลตฟอร์มได้รวบรวมทุกอย่างมาไว้บน Binance แล้ว โดยจะทำการอธิบายรายละเอียดในหัวข้อถัดไป
นอกจากนี้ทางแพลตฟอร์มยังมีคริปโตประจำเครือข่าย หรือที่เรียกว่า Native Token มีชื่อเรียกว่า “Binance Coin (BNB)” ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในฐานะ #Utility Token นอกจากเรื่องสิทธิพิเศษที่จะได้รับบน Binance ผ่านการถือครอง BNB แล้วนั้น (ตรวจสอบสิทธิพิเศษได้ ที่นี่) ความพิเศษของ BNB คือระบบการทำงานของมัน โดยจะมีการเผาทำลายจำนวนโทเคนนี้ทุก ๆ ไตรมาสเพื่อลดอุปทานในตลาด และในขณะเดียวกันก็จะส่งผลให้โทเคน BNB มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นไปอีก โดยทาง Binance ได้ทำการเผา BNB ไปแล้วถึง 16 ครั้ง
อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์ม Binance ไม่ได้มีเพียงแค่บริการทางการเงินแบบรวมศูนย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทาง Binance ได้มีการเปิดตัว “Binance Smart Chain” ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องของคุณสมบัติที่จะสามารถสร้าง Smart Contract ที่นำไปสู่การสร้าง DeFi Protocol จากนักพัฒนาภายนอกอีกทอดหนึ่ง ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับความสามารถของเครือข่าย Ethereum ที่เปรียบเสมือนเป็นเครือข่ายหลักในการสร้าง DeFi Protocol ในปัจจุบัน แต่ด้วยอุปสรรคเรื่องความล่าช้าในการประมวลผลเนื่องจากความแออัดของเครือข่าย รวมไปถึงค่าธรรมเนียม (Gas Fee) ที่มีปริมาณสูงขึ้นทุกวัน จึงส่งผลให้นักพัฒนาต้องมองหาทางเลือกใหม่
ดังนั้นการเปิดตัว Binance Smart Chain หรือ BSC นั้นถือเป็นช่องทางใหม่ให้กับนักพัฒนาที่จะเข้ามาร่วมกับเครือข่าย Binance อีกทั้งยังได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับโปรโตคอลจากเครือข่าย Ethereum อีกด้วย หมายความว่าเป็นการเชื่อมต่อระหว่างสองเครือข่ายให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นด้วยเช่นกัน
1. Trade
Convert & OTC Portal เป็นฟังก์ชันที่เปรียบเสมือนการขอใบเสนอราคา ซึ่งหลักการจะเป็นการแปลงคริปโตสกุลหนึ่ง ไปยังอีกสกุลหนึ่งได้ทันที โดยรองรับคริปโตกว่า 40 สกุล
Classic เป็นฟังก์ชันที่มีรูปแบบเหมือนการเทรดทั่วไป โดยใช้การวิเคราะห์แนวโน้มราคาในตลาด และสร้างรายการคำสั่งซื้อขายได้ด้วยตนเองในรูปแบบ Spot
Advance มีรูปแบบการใช้งานคล้ายคลึงกับแบบ Classic แต่ในฟังก์ชันนี้เป็นการเทรดขั้นสูงที่คุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือการเทรดได้ทั้งหมด (เหมาะสำหรับผู้มีประสบการณ์)
Margin เป็นฟังก์ชันที่จะสามารถเพิ่มกำไรด้วยการ Leverage โดยจะใช้มุมมองซื้อขายเดียวกันกับแบบ Classic แต่จะสร้างคำสั่งซื้อขายแบบ Cross 3x ซึ่งจะมีโหมดให้เลือกคือ โอนหลักประกัน, ยืม/เทรด และชำระคืน/เทรด
P2P Wallet เป็นตลาดแลกเปลี่ยนแบบ Peer-To-Peer (หรือ P2P) เป็นตลาดที่คุณสามารถเทรดคริปโตระหว่างกันได้โดยตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเองในเกือบทุกประเทศ โดยสามารถโอนเงินผ่านธนาคารและอีกกว่า 100 ทางเลือก โดยคนไทยนิยมใช้ฟังก์ชันนี้ในการแลกเงินบาทเป็น USDT เพื่อเข้าเทรดใน Binance เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็วและน่าเชื่อถือ ซึ่งจะกล่าวรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไปเรื่องการฝากและถอนเงิน
Stock Token การเทรดหุ้นผ่านโทเคน โดยโทเคนนี้จะอยู่ในรูปแบบของโทเคนอนุพันธ์ หรือโทเคนอ้างอิงมูลค่าจากมูลค่าจริงในตลาดหุ้น ซึ่งถือว่าเป็น Non-Fungible Token (NFT) อีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้คุณสามารถเทรดหุ้นผ่านคริปโตได้
2. Finance
Binance Earnings เป็นระบบการเงินแบบครบวงจรบน Binance ที่คุณสามารถสร้าง Passive Income ให้กับคริปโตที่อยู่ในครอบครอง โดยจะมีทางเลือกหลายรูปแบบด้วยกัน และจะมีผลตอบแทนแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน ดังนี้
Binance Pool เป็นฟังก์ชันทางเลือกให้กับนักขุดคริปโตที่ต้องการรับผลตอบแทนในรูปแบบของ Proof of Work (PoW) ซึ่งมีความปลอดภัยและสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง โดยทาง Binance จะมีอัลกอริธึมที่เปิดให้บริการขุดด้วยกัน 2 อัลกอริธึม ได้แก่ SHA256 และ Ethash
Binance Loan เป็นฟังก์ชันให้กู้ยืมเงินสำหรับการเทรด Spot / Margin / Futures หรือสำหรับการ Staking เพื่อรับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยมีคริปโตที่สามารถกู้ยืมได้มากกว่า 40 สกุล
Liquid Swap หรือการ DeFi เป็นฟังก์ชันที่เปิดให้คุณสามารถเข้าไปฝากคริปโตสกุลต่าง ๆ ไว้ใน Pool จากนั้นในแต่ละ Pool ก็จะนำคริปโตของคุณไปเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการซื้อขายแบบอัตโนมัติ หรือ AMM ที่จะทำการกำหนดราคาให้แทนการสร้างคำสั่งซื้อขายทั่วไป โดยคุณจะได้รับผลตอบแทนก็ต่อเมื่อมีคนเข้ามา Swap หรือนำคริปโตมาแลกเปลี่ยนใน Pool โดยหากพูดถึงหลักการทำงานของฟังก์ชันนี้ก็จะมีรูปแบบคล้ายกับ DEX หรือแพลตฟอร์ม DeFi ไร้ศูนย์กลาง ซึ่งใน Binance สามารถทำการ Swap ได้มากกว่า 60 Pool
Card เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบของบัตรเดบิตคริปโต (Debit Crypto Card) ซึ่งออกโดย Visa ส่วนเรื่องของหลักการทำงานก็จะเป็นการแปลงคริปโตของคุณเป็นสกุลเงินท้องถิ่นเพื่อทำการใช้จ่าย โดยสกุลเงินในบัตรจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ และคริปโตที่รองรับคือ BTC และ BNB โดย Binance ระบุว่าสกุลเงินท้องถิ่นอื่น ๆ จะตามมาในอนาคต
3. Binance Futures
เป็นตลาดซื้อขายคริปโตในรูปแบบสัญญาล่วงหน้า โดยอ้างอิงราคาคริปโตในตลาด ซึ่งจะมีสัญญา 2 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
สัญญาทั้ง 2 ประเภทจะขึ้นอยู่กับการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาคริปโตของตัวคุณเอง นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มค่า Leverage ของสัญญาได้อีกด้วย เพื่อเพิ่มอัตราของผลตอบแทนให้มีมูลค่าทวีคูณขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงต้องระวังหากราคามีการสวนทางกับประเภทสัญญาที่คุณเลือก หากเป็นเช่นนั้นคุณก็จะขาดทุนเป็นมูลค่ามหาศาลเช่นกันจากการโดน Liquidation หรือการชำระบัญชี เนื่องจากเลือกปรับค่า Leverage สูงจนเกินไป
4. NFT Market
NFT หรือ Non-Fungible Token เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะ โดยถือเป็นคริปโตอีกรูปแบบหนึ่ง ที่จะไม่สามารถทดแทนหรือแลกเปลี่ยนกันได้เหมือนการแลกเปลี่ยนคริปโตในตลาด ซึ่ง NFT จะอยู่ในรูปแบบของ งานศิลปะ, คลิปวิดีโอ, สัตว์เลี้ยงเสมือนจริง, อสังหาริมทรัพย์เสมือนจริง หรือของสะสมใด ๆ ก็ตามที่เป็นรูปแบบของงานดิจิทัล
Binance มีผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้บริการเป็นคอมมูนิตี้สำหรับการซื้อขาย NFT โดยเฉพาะ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อวงการศิลปะ และการซื้อขายเหล่าผลงาน NFT ต่าง ๆ ก็จะใช้คริปโตในการแลกเปลี่ยนนั่นเอง โดยในแต่ละผลงานนั้นเจ้าของผลงานก็จะระบุชัดเจนว่าต้องการขายด้วยคริปโตสกุลใด (มีแค่ BUSD, BNB และ ETH เท่านั้น) และเป็นมูลค่าเท่าไหร่ สามารถดูเพิ่มเติมได้ ที่นี
“ปริมาณซื้อขายต่อวันเฉลี่ย 6 แสนล้านบาท สามารถทำธุรกรรมได้ 1.4 ล้านธุรกรรมต่อวินาที”
การฝาก
Binance ยังไม่รองรับสกุลเงินบาทในการฝากเข้าโดยตรง แต่คุณสามารถใช้วิธีการฝากเป็นคริปโตหรือสกุลเงินอื่นที่ทาง Binance รองรับ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการฝากเงินผ่านบัญชีธนาคารของคุณ (ชื่อเดียวกับบัญชี Binance) เข้ามาในการซื้อคริปโตสกุล USDT ผ่านการเทรดใน P2P Wallet จากนั้นจึงค่อยนำเงินออกไปยัง Spot Wallet เพื่อทำการเทรดในรูปแบบอื่น ๆ ได้
จากรูปจะเห็นว่ามีหลากหลายคู่ค้าให้ทำการเลือกซื้อ USDT ซึ่งคุณสามารถพิจารณาได้ด้วยตนเองว่าราคาไหนเป็นที่เหมาะสมที่สุด ในแต่ละคู่ค้าจะระบุจำนวนขั้นต่ำและสูงสุดที่สามารถทำการซื้อ USDT ของเขาได้ และควรตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายของคู่ค้าเพื่อดูความน่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจ
หรือจะใช้วิธีการแปลงสกุลเงินบาทเป็นคริปโตจาก Exchange อื่นที่รองรับเงินบาท จากนั้นจึงทำการโอนโดยใส่ Address ปลายทางของบัญชีสมาชิก Binance ของคุณได้ แต่อาจจะต้องระวังเรื่องราคาที่คลาดเคลื่อนกันเนื่องจากเป็นคนละตลาด และอาจจะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยในการฝากด้วยวิธีนี้
ช่องทางการชำระเงินที่ทาง Binance แนะนำสำหรับการใช้ฟังก์ชัน P2P Wallet ในไทยจะมีดังนี้ ซึ่งช่องทางที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Bank Transfer
การถอน
เนื่องจากทาง Binance ไม่รองรับสกุลเงินบาทโดยตรง ดังนั้นการถอนเงินที่ทำได้ง่ายที่สุดสำหรับการนำออกมาเป็นสกุลเงินบาท ก็คือการใช้ P2P Wallet เช่นเดียวกับการฝากนั่นเอง โดยวิธีการก็ไม่ต่างจากการฝากเงินก็คือทำการเลือกคู่ค้าที่เหมาะสมสำหรับการขายคริปโตสกุลใดก็ตามที่ P2P รองรับและในแต่ละคู่ค้าก็จะระบุเงื่อนไขต่าง ๆ เอาไว้สำหรับการพิจารณา จากนั้นระบุจำนวนคริปโตที่ต้องการขาย โดยระบบจะทำการคำนวณจำนวนเงินที่คุณจะได้รับ หลังจากตรวจสอบความถูกต้องก็สามารถกดขายได้ทันที
การฝากและถอนเงินผ่าน P2P Wallet จะไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ แต่คุณอาจจะต้องพิจารณาในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะนั้นด้วย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดส่วนต่างได้หากตอนฝากและตอนถอนใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันมากเกินไป
Binance ถูกจัดอยู่ที่อันดับ 1 ในฐานะ Exchange ด้วยปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในโลก
Binance จะมีการยืนยันตัวตน 2 ชั้น (Two-Factor Authentication) เป็นวิธีการป้อนรหัสชั้นที่ 2 โดยคุณจะได้รับรหัสนี้ผ่านแอพพลิเคชัน Authenticator ซึ่งจะต้องทำการเชื่อมต่อบัญชี Binance ของคุณไว้กับแอพพลิเคชันนี้เรียบร้อยแล้ว โดยรหัสจะอยู่ในรูปแบบของ OTP และใช้งานได้เพียงครั้งเดียว จากนั้นรหัสจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่คุณทำการล็อกอินใหม่
และจะมีการเปิด Anti-phishing Code หรือระบบแจ้งเตือนหากมีการล็อกอินว่าเป็นการล็อกอินจากคุณหรือไม่ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพสวมรอยทำธุรกรรมหรือทำการโจมตีใด ๆ และยังมีการเปิดใช้ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ชื่อว่า Address Management ซึ่งหลักการทำงานคือคุณสามารถเพิ่ม Address Whitelist หรือรายการแอดเดรสที่อนุญาตไว้ในบัญชีของคุณ โดยคุณจะสามารถโอนสินทรัพย์ไปยังแอดเดรสใน Whitelist ได้เท่านั้น แต่หากต้องการเพิ่มแอดเดรสใหม่ระบบก็จะให้ยืนยันผ่านทางอีเมล์ก่อนทุกครั้ง
นอกจากนี้ Binance ยังได้รับมาตรฐานความปลอดภัย ISO/IEC 27001 หรือมาตรฐานสากลสำหรับการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล และ CryptoCurrency Security Standard (CCSS) ระบบความปลอดภัยสูงสุดในการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลทุกรูปแบบ
Q: โปรแกรมแนะนำเพื่อนของ Binance (Binance Referral Program) คืออะไร?
A: หากผู้รับเชิญของคุณนำรหัสแนะนำของคุณมาใช้เมื่อเปิดบัญชี Binance ครั้งแรก คุณจะได้รับค่าคอมมิชชันในรูปแบบของค่าธรรมเนียมจำนวนหนึ่งเพื่อใช้เป็นส่วนลดในการเทรดของคุณ
Q2: ดูรหัสแนะนำได้อย่างไร?
A2: เลือกฟีเจอร์ “การแนะนำ / Referral” ได้ทั้งบนหน้าเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน Binance
Q3: P2P Wallet ของ Binance มีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่?
A3: ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม เว้นแต่ว่าคู่ค้าใช้ช่องทางการชำระเงินอื่นที่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการบริการธุรกรรม แต่โดยปกติทั่วไปแล้วนั้นจะไม่มีคู่ค้าคนใดนิยมใช้ช่องทางอื่นมากนักนอกจากช่องทาง Bank Transfer เนื่องจากไม่ใช่แค่คุณที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในส่วนนี้เท่านั้น แต่คู่ค้าจะต้องจ่ายด้วยเช่นเดียวกัน
Q4: สามารถใช้บัญชีธนาคารของผู้อื่นเป็นช่องทางการชำระเงินได้หรือไม่?
A4: คุณต้องใช้บัญชีธนาคารที่มีชื่อตรงกับในระบบสมาชิกเท่านั้น
Q5: Merchant ในระบบ P2P Wallet คืออะไร?
A5: Merchant คือสถานะของนักเทรดที่มีประสบการณ์และทำการซื้อขายกับทาง Binance บ่อยครั้งในปริมาณที่สูง หากคุณต้องการจะอยู่ในสถานะนี้ก็สามารถทำการสมัครได้ ที่นี่ โดยทาง Binance จะทำการพิจารณาคุณสมบัติและทำการอนุมัติเป็นรายบุคคล
คลิกที่นี่ เพื่อรับเงินคืน 5% ของค่าคอมมิชชั่น