(รีวิว) FTX แพลตฟอร์มตลาดแลกเปลี่ยนที่ครบครัน
ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อนักลงทุนมืออาชีพ
ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อนักลงทุนมืออาชีพ
FTX นิยามตัวเองว่าเป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตที่สร้างขึ้นโดยนักลงทุนเพื่อนักลงทุน เนื่องจากผู้ก่อตั้งเป็นนักลงทุนที่เคยซื้อขาย ETF, Futures, Forex และตราสารทุนที่หลากหลายมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่านักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการอะไร ซึ่งทางแพลตฟอร์ม FTX ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัตกรรมใหม่ เช่น Derivatives, Option, Volatility และ Leveraged Tokens เป็นต้น โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มให้แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับการลงทุนอย่างมืออาชีพ และรวมไปถึงการใช้งานง่ายพอเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นอีกด้วย
ข้อมูลบริษัท | ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2561 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ผู้ก่อตั้ง Sam Bankman-Fried |
รูปแบบแพลตฟอร์ม | Website: ftx.com Application: FTX รองรับระบบ Android และ iOS (Download: Android / iOS) |
ความสะดวกในการใช้งาน | Website: ระดับง่าย Application: ระดับง่าย |
ระยะเวลายืนยันการเป็นสมาชิก | 1 วัน |
สกุลเงินที่รองรับ | USD, EUR, GBP, AUD, HKD, SGD, ZAR, CAD, CHF และ BRL |
ช่องทางการชำระเงิน | Credit Card (Visa,Mastercard), SEPA, PayPal, PayID, PIX และโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารส่วนบุคคลที่รองรับ |
Utility Token | FTT Token |
จำนวนคริปโตที่รองรับ | 255 สกุล (อ้างอิงจาก CoinMarketCap 16/9/2021) |
ระบบบริการลูกค้า | Help Center และช่องแชทออนไลน์ตลอด 24/7 |
ผลิตภัณฑ์การซื้อขายอนุพันธ์ (Derivatives)
1. Futures
FTX เป็นรูปแบบของการซื้อขายแบบสัญญาล่วงหน้า ซึ่งในขณะนี้มีสัญญาเปิดให้บริการ 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ สัญญาที่หมดอายุในไตรมาสนี้ สัญญาที่หมดอายุในไตรมาสหน้า และสัญญาที่ไม่มีวันหมดอายุ (Perpetual) โดยจะสามารถสังเกตได้จากชื่อสัญญา ตัวอย่างเช่น BTC-PERP คือสัญญาที่ไม่มีวันหมดอายุ ในขณะที่ BTC-0924 คือสัญญาที่จะหมดอายุวันที่ 24 เดือนกันยายน ดังที่แสดงในภาพ
คุณสามารถซื้อขายคู่สัญญา Futures ด้วยการ Leverage ได้สูงถึง 101x ไม่ว่าจะเป็นแบบ Long/Short และมีคู่สัญญา Futures มากกว่า 100 คู่ที่สามารถซื้อขายได้โดยใช้ Stablecoin เป็นหลักประกัน หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคารก็ได้ แต่เพียงแค่คุณทำการฝาก Stablecoin จากนั้นเงินจะถูกแปลงเป็น USD เข้าสู่บัญชี Margin ของคุณทันที นอกจากนี้ FTX ยังมีระบบผู้ให้บริการสภาพคล่องแบบ Back-Stop ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมันจะเข้ามาช่วยเหลือบัญชีที่เสี่ยงต่อที่จะถูกชำระบัญชี (Liquidation) และลดความเสี่ยงของการถูกเรียกคืน
รูปภาพตัวอย่างต่อไปนี้เป็นมุมมองการซื้อขายคู่สัญญา BTC-PERP โดยจะมีมุมมองที่ไม่ได้แตกต่างจากปกติทั่วไปมากนัก เพียงแต่มีการเพิ่มรายละเอียดด้านขวาที่จะมี Funding Time และ Funding Rate เพิ่มเข้ามาด้วย
2. Spot Margin
เป็นผลิตภัณฑ์แบบดั้งเดิมที่สามารถซื้อขายคริปโต โดยจะเป็นการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขายกับ USD, USDT และ BTC ตัวอย่างเช่น BTC/USD, ETH/USDT และ ETH/BTC เป็นต้น
รูปภาพตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นมุมมองการซื้อขายแบบ Spot Margin จะเห็นว่า Margin Trading ยังไม่ได้เปิดใช้งาน ดังนั้นคุณต้องไปที่หน้าตั้งค่าเพื่อการยืม (Borrowing) หรือกู้ยืม (Lending) จากนั้นเมื่อทำการเปิดใช้งานแล้วนั้นบัญชีของคุณก็จะสามารถซื้อขายแบบ Spot ได้ทันที
3. Leveraged Tokens
เป็นตลาดคริปโตที่อยู่บนเครือข่าย ERC-20 ที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับนักลงทุน และมีการเปิดรับความเสี่ยงสูงถึง 3x ที่ใช้กับคู่สัญญาซื้อขาย โดยโทเคนแต่ละตัวในผลิตภัณฑ์นี้จะดำเนินการผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือ FTX Perpetual Futures และในขณะนี้มีโทเคนที่เปิดให้ซื้อขาย 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่
– BULL (+3x) เปรียบเสมือนการเปิดสถานะ “Long Position” ด้วย Leverage 3x
– BEAR (-3x) เปรียบเสมือนการเปิดสถานะ “Short Position” ด้วย Leverage 3x
– HEDGE (-1x) เปรียบเสมือนการเปิดสถานะ “Short Position” ด้วย Leverage 1x
– HALF (0.5x) เปรียบเสมือนการเปิดสถานะ “Long Position” ด้วย Leverage 0.5x
ตัวอย่างดังภาพ
ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ซื้อขาย ETHBULL ซึ่งเป็นโทเคน ETH Leverage +3x หมายความว่าหาก ETH มูลค่าเพิ่มขึ้น 1% คุณจะได้กำไร 3% แต่ถ้าหากมูลค่าของ ETH ลดลง 1% คุณก็จะขาดทุน 3% ในขณะเดียวกันหากมูลค่าลดลงมากกว่า 33% โดยปกติแล้วถ้าซื้อขายผ่านสัญญา Futures นั้นจะทำให้ถูกชำระบัญชีหรือถูกบังคับปิดสัญญาได้ แต่ความพิเศษของ Leveraged Tokens คือคุณจะไม่มีการถูกบังคับปิดสัญญา อีกทั้งยังสามารถซื้อขายได้ทั้งตลาดขาลงและขาขึ้นอีกด้วย
ภาพตัวอย่างมุมมองการซื้อขายแบบ Leveraged Tokens
4. Volatility Products
เป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้มีการลงทุนกับความผันผวนของราคา Bitcoin เท่านั้น โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
4.1 Options เป็นสัญญาซื้อขายที่ให้สิทธิ์ในการถือครอง แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อ/ขายตามวันและเวลาที่กำหนดก็ได้ ซึ่งเมื่อหมดอายุสัญญานั้นทาง FTX จะชำระเงินให้คุณในสกุลเงิน USD ณ ราคาปัจจุบันของ Bitcoin ทันที โดยคุณจะสามารถซื้อขายได้ทั้งแบบ Long/Short ด้วยการใช้ Leverage ซึ่งจะเรียกสัญญาซื้อล่วงหน้าว่า “Call” และสัญญาขายล่วงหน้าว่า “Put”
4.2 MOVE เป็นสัญญาซื้อขายที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยรูปแบบของสัญญาจะมีทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายไตรมาส แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีความแตกต่างกับสัญญาซื้อขายแบบ Futures และ Options ตรงที่สัญญาจะไม่ได้หมดอายุตามราคาที่ซื้อ แต่อายุสัญญาจะจบลงตามการเคลื่อนไหวของสัญญา MOVE โดยคุณสามารถรับสัญญา MOVE ได้ทั้งแบบ Long/Short ด้วยการใช้หลักประกันได้เช่นกัน
4.3 BVOL/iBVOL เป็นโทเคน ERC-20 ที่อยู่ในรูปแบบของสัญญา ซึ่งมันจะพยายามติดตามความผันผวนโดยนัยของตลาดคริปโต โดยใช้สัญญา MOVE และ BTC-PREP ในการขับเคลื่อนมูลค่าของตนเอง หมายความว่าโทเคน BVOL เป็นสัญญาแบบ Long ที่โทเคนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อตลาดมีความผันผวนมาก แต่ในขณะที่ iBVOL เป็นสัญญาแบบ Short ที่โทเคนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อตลาดมีความผันผวนน้อย
5. Prediction
เป็นเรื่องปกติสำหรับแพลตฟอร์มซื้อขายที่จะนำเสนอตลาด Prediction หรือตลาดพยากรณ์ให้เป็นอีกช่องทางการทำเงินของนักลงทุน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเดิมพันกับเหตุการณ์บางอย่างในอนาคต โดยคุณสามารถซื้อขายได้ทั้งแบบ Long/Short เช่นเดียวกันกับสัญญาซื้อขาย Futures ด้วยการใช้หลักประกันที่แพลตฟอร์มรองรับ
จากภาพจะเห็นได้ว่ามีการเปิดให้เก็งกำไรของเหตุการณ์เฉพาะ 2 เหตุการณ์ด้วยกัน ได้แก่
– TRUMP2024: เป็นการคาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 หรือไม่ โดยสัญญาจะชำระเงินเป็น 0 USD หากทรัมป์ไม่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้
– BOLSONAR2022: เป็นการคาดการณ์ว่า Jair Bolsonaro จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลในปี 2022 แต่หากไม่มีการเลือกตั้งหรือไม่มีการประกาศผู้ชนะการเลือกตั้งภายในปี 2022 สัญญาก็จะหมดอายุที่ราคา 0 USD
6. Fiat
เป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้ซื้อขายสกุลเงินดั้งเดิมเพื่อแปลงเป็นคริปโต หรือสกุลเงินดั้งเดิมด้วยกันเอง รวมไปถึงสัญญาซื้อขาย Futures บางคู่อีกด้วย ตัวอย่างดังภาพ
คุณสมบัติอื่น ๆ เพิ่มเติม
FTX นำเสนอค่าธรรมเนียมซื้อขายในอัตราที่ต่ำมากตั้งแต่ 0.07% ถึง 0.04% สำหรับตลาดซื้อขาย Futures และตลาด Spot โดยค่าธรรมเนียมจะถูกเรียกเก็บแบบ Maker-Taker ดังภาพ
นอกจากนี้สำหรับ Leverage Token จะมีค่าธรรมเนียมการสร้างและไถ่ถอนอยู่ที่ 0.10% รวมไปถึงค่าธรรมเนียมการจัดการรายวัน 0.30% แต่หากคุณใช้ Leverage 50x ขึ้นไปนั้นค่าธรรมเนียมจะถูกขยายไปเป็น 0.50%
อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดอื่นทั้งหมด การใช้ Leverage 50x จะเพิ่มค่าธรรมเนียมขึ้น 0.02% จากเดิมเสมอ และหากใช้ Leverage 100x หรือสูงกว่านั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.03% โดยยกเว้น BTC-PERP/ETH-PERP จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการใช้ Leverage ที่สูงขึ้น
ส่วนลดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือครอง FTT Token
FTX ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมฝากและถอนทุกรายการ แต่การถอนคริปโตนั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเครือข่าย Blockchain ซึ่งเป็นมาตรฐานข้อบังคับที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมตามสภาวะตลาดอยู่เสมอ ในส่วนนี้คุณสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์โดยตรง (ที่นี่)
“เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างโดยนักลงทุน เพื่อนักลงทุนอย่างแท้จริง”
การสมัครสมาชิกเพื่อเริ่มต้นใช้งานนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ซึ่งการตั้งค่าบัญชีก็ทำงานเหมือนกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามบนแพลตฟอร์ม FTX มีระบบการจัดหมวดหมู่ผู้ใช้ที่แตกต่างกัน โดยจะอธิบายอย่างง่าย ดังนี้
1. กรอกอีเมลและรหัสผ่านเพื่อสมัครสมาชิก ซึ่งจะเป็นระดับพื้นฐานที่สุด “Level 0” โดยคุณจะมีวงเงินถอนตลอดชีพมูลค่า $1,000
2. เมื่อลงทะเบียนเสร็จสิ้น คุณจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อมูล KYC ซึ่งคุณจะต้องแสดงหลักฐานที่อยู่ในประเทศที่คุณอาศัย บัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐ และภาพถ่ายเซลฟี่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับระดับสมาชิกเป็น “Level 2” โดยสิ่งนี้จะขยายขีดจำกัดการถอนรายวันของคุณเป็น $2,000 สูงสุด $9,000 ด้วยกัน
3. หากคุณต้องการเพิ่มระดับสมาชิกเป็น “Level 3” นอกจากการแสดงข้อมูลส่วนบุคคลและหลักฐานที่อยู่แล้วนั้น คุณจะต้องอธิบายแหล่งที่มาของเงินทุนและทำการตรวจสอบใบหน้าอย่างสมบูรณ์ โดยระดับสมาชิกนี้จะขยายขอบเขตความสามารถในการถอนคริปโตและสกุลเงินดั้งเดิมได้อย่างไม่มีขีดจำกัดอีกด้วย
FTX ถูกจัดอยู่ที่อันดับ 4 ในฐานะ Exchange ที่มีปริมาณซื้อขายต่อวันกว่า 7 หมื่นล้านบาท
FTX นั้นให้ความสำคัญกับการวิจัยด้านความปลอดภัยในการปรับปรุงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้บริการและการบริการด้านอื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งทางแพลตฟอร์มมีแนวทางการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างมีจริยธรรมโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัย และมีระเบียบข้อบังคับในการดำเนินงาน ดังนี้
นอกจากนี้ทาง FTX มีการตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ดำเนินการโดย Blockchain Consilium ที่จะทำหน้าที่ Audit Code ของระบบ และจะทำการอัปเดตการตรวจสอบบนเว็บไซต์เสมอ (ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่นี่) รวมไปถึงการ Audit Code ของผลิตภัณฑ์ Leveraged Tokens ด้วยเช่นเดียวกัน (ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่นี่)