(รีวิว) Kraken แพลตฟอร์มตลาดแลกเปลี่ยนที่กำลังมาแรง
แพลตฟอร์มที่ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ให้บริการมากว่า 10 ปี
แพลตฟอร์มที่ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ให้บริการมากว่า 10 ปี
หนึ่งในแพลตฟอร์มตลาดแลกเปลี่ยนที่กำลังมาแรงในปี 2021 และถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีมาอย่างยาวนานนับ 10 ปีด้วยกัน โดยมีจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 4 ล้านบัญชี ซึ่งการใช้งานนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง และเหมาะสำหรับสถาบันการเงินขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่อีกด้วยเช่นเดียวกัน
ข้อมูลบริษัท | ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2554 ในซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดย Jesse Powell |
รูปแบบแพลตฟอร์ม | Website: www.kraken.com Application: Kraken รองรับระบบ Android และ iOS (Download: Android / iOS) |
ความสะดวกในการใช้งาน | Website: ระดับปานกลาง Application: ระดับง่าย |
ระยะเวลายืนยันการเป็นสมาชิก | 1 วัน |
สกุลเงินดั้งเดิมที่รองรับ | USD, EUR, GBP, CAD, JPY, CHF, และ AUD |
ประเทศที่เปิดให้บริการ | 176 ประเทศ และในสหรัฐอเมริกา *ยกเว้นรัฐวอชิงตันและนิวยอร์ก |
ช่องทางการชำระเงิน | โอนเงินผ่านธนาคาร, SEPA, SWIFT, Signet, CHAPS, FPS/BACS และ SIC เป็นต้น |
จำนวนคริปโตที่รองรับ | 88 สกุล (อ้างอิงข้อมูลCoinMarketcap.com วันที่ 17/9/2564) |
ฝ่ายดูแลลูกค้า | Live Chat 24/7 คลิกที่นี่ |
1. Futures
เป็นผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์แล้ว เนื่องจากฟังก์ชันการใช้งานนั้นค่อนข้างซับซ้อน โดยจะมีขนาด Leverage ที่สามารถปรับได้สูงสุดถึง 50 เท่าด้วยกัน ซึ่งจะมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าการเทรดแบบธรรมดา ปัจจุบันมีคริปโตที่รองรับสำหรับผลิตภัณฑ์ Futures ได้แก่ Bitcoin, Litecoin, Bitcoin Cash, Ether และ Ripple (ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่)
2. Margin Trading
Kraken อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายด้วย Margin สูงสุดถึง 5 เท่า หมายความว่าจะสามารถได้กำไรสูงสุดถึง 5 เท่าจากเงินทุน แต่อย่างไรก็ตามกำไรที่สูงขึ้นก็มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่าเสมอ ดังนั้นผู้ใช้ควรมีความรู้ขั้นสูงเกี่ยวกับลงทุนด้วย โดยผลิตภัณฑ์นี้รองรับคริปโต 16 สกุลด้วยกัน ได้แก่
(ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่)
3. Cryptowatch
ผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นการซื้อขายระดับพรีเมียม ซึ่งมีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากตลาดกว่า 4,000 แห่ง โดยการสร้างแผนภูมิแบบเรียลไทม์และสามารถซื้อขายผ่านคริปโตที่รองรับมากกว่า 25 สกุล ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ต้องสร้างบัญชีแยกโดยเฉพาะขึ้นมาก่อนจะสามารถใช้งานได้ และสิทธิประโยชน์ของการใช้ Cryptowatch มีดังนี้
4. Over-the-counter (OTC)
เป็นการซื้อขายที่เปิดให้บริการด้วยสภาพคล่องที่มากกว่า และเป็นบริการที่มีความเป็นส่วนตัวสูงสำหรับสถาบันหรือบุคคลทั่วไปที่มีรายได้สูง ที่ต้องการดำเนินการสั่งซื้อคริปโตเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากซื้อผ่านผลิตภัณฑ์อื่นอาจเป็นการรบกวนรายการคำสั่งซื้อของผู้อื่นในตลาดได้ ดังนั้น OTC จึงนำเสนอการบริการและดำเนินการด้วยการติดต่อกับ Kraken โดยตรง ไม่ว่าคุณจะซื้อขายเป็นมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ, 10 ล้านยูโร หรือ 2,000 Bitcoin ก็ตาม ซึ่งช่องทางการชำระเงินด้วยผลิตภัณฑ์นี้จะมีความรอบคอบกว่า และมีความปลอดภัยกว่าอีกด้วย โดยมีความพิเศษในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
5. Staking
ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ในการถือครองสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินดั้งเดิม คริปโต หรือ Stablecoin เมื่อคุณได้วางหลักประกันแล้วก็จะสามารถได้รับรางวัลเพิ่มเติมที่เปรียบเสมือนอัตราดอกเบี้ย และสามารถเพิ่มจำนวนด้วยการทบต้นของรางวัลได้อีกด้วย
หากคุณต้องการสร้างบัญชี Kraken บนเว็บไซต์ คลิกที่นี่ จากนั้นให้ทำการกรอกข้อมูลต่าง ๆ อย่างถูกต้อง และครบถ้วน เมื่อคลิกสร้างบัญชีเรียบร้อยแล้วคุณจะได้รับอีเมลยืนยัน ให้คุณคลิกยืนยันหรือป้อนรหัสและทำตามขั้นตอนต่อไปในลิงค์นั้นเพื่อเสร็จสิ้นการลงทะเบียน
“Kraken ถูกจัดอยู่ที่อันดับ 6 ในฐานะ Exchange ที่มีปริมาณซื้อขายต่อวันกว่า 3 หมื่นล้านบาท”
คุณจะต้องทำการโอนเงินผ่านทางธนาคาร หรือช่องทางอื่น ๆ เช่น SEPA, SWIFT, Signet, CHAPS, FPS/BACS และ SIC เป็นต้น ด้วยสกุลเงินดั้งเดิมที่ทางแพลตฟอร์ม Kraken รองรับเท่านั้น ได้แก่ USD, EUR, CAD, AUD, GBP, CHF และ JPY โดยการใช้หมายเลขอ้างอิงเฉพาะของ Kraken เพื่อทำการโอน ซึ่งการโอนในแต่ละสกุลและแต่ละช่องทางนั้น มีข้อบ่งชี้ในเรื่องของระยะเวลาและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างสกุลเงิน USD ดังในภาพด้านล่างนี้ (สามารถดูสกุลเงินอื่นเพิ่มเติมได้ ที่นี่)
ภารกิจหลักของ Kraken คือเร่งการนำคริปโตไปใช้เพื่อให้ทั่วโลกสามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงิน
ใKraken ได้ชื่อว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอย่างสมเหตุสมผลทีสุด ซึ่งมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างซับซ้อนและหลากหลายรูปแบบมาก (เพิ่มเติมที่นี่) ดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมการซื้อขายแบบทันที (Instant Buy)
โดยเป็นการเก็บค่าธรรมเนียมจากการแปลง Bitcoin เป็นคริปโตสกุลอื่น ๆ ซึ่งมีอัตราค่าธรรมเนียม ดังนี้
2. ค่าธรรมเนียม Futures แบบ Taker-Maker
ค่าธรรมเนียมประเภทนี้จะถูกเรียกเก็บเมื่อมีการดำเนินการซื้อขายและจับคู่ ไม่ใช่เมื่อมีการสร้างคำสั่งซื้อขาย ซึ่งค่าธรรมเนียมจะคิดตามปริมาณการซื้อขายใน 30 วันล่าสุดของผู้ใช้
Maker: เป็นคำสั่งซื้อที่ไม่ได้รับการจับคู่และจะยังไม่ได้รับการดำเนินการในทันที เนื่องจากคำสั่งซื้อไม่ตรงกับรายการใดใน Order Book เลย
Taker: เป็นคำสั่งซื้อที่ได้รับการจับคู่และจะได้รับการดำเนินการอนุมัติทันที เนื่องจากคำสั่งซื้อนั้นตรงกับรายการใน Order Book
3. ค่าธรรมเนียมของการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex: FX) Stablecoin & Fiat
เป็นค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากการซื้อขาย Forex ที่จะเป็นการแลกเปลี่ยนมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งไปยังอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยรองรับทั้ง Stablecoin และ Fiat เช่น EUR/USD, USDT/USD และ DAI/USDT เป็นต้น ซึ่งเป็นการสลับคู่ไปมาระหว่างกันหรือจะจับคู่ประเภทเดียวกันก็ได้
4. ค่าธรรมเนียม Margin Trading
เมื่อทำการเปิดและปิดสถานะ Margin นั้น ค่าธรรมเนียมจะถูกคิดเพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมซื้อขายปกติเล็กน้อย และในส่วนของลูกค้าที่มีบัญชีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนนอกสหรัฐอเมริกาจะถูกจำกัดระยะเวลาในการรักษาสถานะ Margin ที่เปิดอยู่เป็นเวลานานถึง 365 วันด้วยกัน
Kraken ได้รับการอนุมัติด้านการกำกับดูแลจาก FinCEN of USA, FINTRAC of Canada, Financial Conduct Authority (FCA) of UK, AUSTRAC of Australia และ FSA of Japan โดยถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการดูแลอย่างเข้มงวดและถูกกฎหมายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
อย่างไรก็ตามถือได้ว่า Kraken เป็นแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่มีประวัติการโดนแฮ็กมาก่อนถึงแม้จะมีอายุการใช้งานมานานถึง 10 ปีด้วยกัน และบัญชีผู้ใช้เองก็มีคุณสมบัติต่าง ๆ มาช่วยเสริมความปลอดภัยอย่างดี ตัวอย่างเช่น การตรวจสอบสิทธิ์สองระดับ (2FA), การยืนยันอีเมลสำหรับการถอนเงิน, API key, PGP การลงลายเซ็นและเข้ารหัสอีเมล, การเข้ารหัส SSL และได้รับการดูแลผ่านทางอีเมลของฝ่ายดูแลลูกค้าตลอด 24/7