Connect with us

ทำความรู้จักกับ “Altcoin” คริปโตทางเลือก

นอกจาก Bitcoin แล้วยังมีคริปโตอีกมากมายให้คุณได้ทำความรู้จัก

Altcoin คืออะไร?

Altcoin เป็นคำที่ใช้เรียกคริปโตทั้งหมดที่ไม่ใช่ Bitcoin ซึ่งมาจากการรวมกันระหว่างคำว่า “Alternative” ที่แปลว่าทางเลือก กับคำว่า “Coin” ที่แปลว่าเหรียญ โดยอาจแปลได้อย่างง่ายว่า “เหรียญทางเลือก” ที่พวกมันจะมีลักษณะเฉพาะบางส่วนคล้ายกับ Bitcoin แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางปัจจัย ตัวอย่างเช่น Altcoin บางตัวใช้อัลกอริธึมที่แตกต่างกัน (Bitcoin ใช้อัลกอริธึม SHA-256) เพื่อสร้างบล็อกและตรวจสอบธุรกรรม หรือบางตัวที่สร้างความแตกต่างจาก Bitcoin อย่างชัดเจน ด้วยการเพิ่มเติมความสามารถใหม่ขึ้นมา เช่น Smart Contract หรือการลดความผันผวนของราคา เป็นต้น

ในเดือนกันยายน ปี 2021 นี้มีจำนวนคริปโตกว่า 11,500 สกุลด้วยกัน ซึ่งตามมูลค่าตลาดโดยรวมแล้วสำหรับ Altcoin นั้นคิดเป็นกว่า 58.5% ของมูลค่าทั้งหมด (Bitcoin ครองมูลค่าตลาดไว้ 41.5% อ้างอิงจาก CoinMarketCap) นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของราคา Altcoin นั้นมักจะเลียนแบบวิถีของราคา Bitcoin อยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า “การเติบโตของระบบนิเวศการลงทุนในตลาดคริปโต และการพัฒนาของตลาดสำหรับสกุลเงินเหล่านี้จะทำให้การเคลื่อนไหวของราคา Altcoin ในอนาคตจะเป็นอิสระจากวิถีของ Bitcoin ได้อย่างแน่นอน”

จุดเด่น

  • คำว่า “Altcoin” หมายถึงคริปโตทั้งหมดที่ไม่รวม Bitcoin
  • ในเดือนกันยายน ปี 2021 มีคริปโตในตลาดทั้งหมดมากกว่า 12,000 สกุล
  • Ethereum และ Cardano เป็น Altcoin ที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าราคาตลาด ณ เดือนกันยายน ปี 2021

ทำความเข้าใจกับ “Altcoin”

“Altcoin” ที่เป็นการรวมคำกันระหว่าง “Alt” กับ “Coin” ซึ่งหมายถึงเหรียญทางเลือกทั้งหมดที่นอกเหนือไปจาก Bitcoin แต่อย่างไรก็ตามรากฐานสำคัญของ Bitcoin และ Altcoin ก็ยังมีความคล้ายคลึงกันอยู่ ในเรื่องของการแบ่งปัน Code ภายใน และฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นระบบ Peer-to-Peer หรือการเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สามารถประมวลผลข้อมูล และธุรกรรมจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน แต่ในบางกรณีแล้ว Altcoin บางตัวนั้นก็ปราถนาที่จะเป็น Bitcoin ตัวต่อไป ด้วยการเป็นวิธีการชำระเงินทางดิจิทัลที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ แต่อย่างไรก็ตามมันยังคงมีความแตกต่างหลายประการในเรื่องของเอกลักษณ์ หรือลักษณะเฉพาะตัว ดังนี้

Bitcoin: เป็นอันดับหนึ่งในคริปโตที่มีการกล่าวถึงอยู่เสมอ ในเรื่องหลักการทำงานและการออกแบบของมันที่ได้สร้างมาตรฐานสำหรับการพัฒนาสกุลเงินอื่น ๆ แต่ในทางกลับกันนั้นเรื่องของการใช้งานก็ยังมีข้อบกพร่องหลายประการด้วยกัน ตัวอย่างเช่น กลไกการทำงาน Proof-of-Work (PoW) ที่ใช้สร้างบล็อกกลับใช้พลังงานมากและใช้เวลานาน รวมไปถึงความสามารถในการทำ Smart Contract ของ Bitcoin ก็มีจำกัดเช่นเดียวกัน

Altcoin: มีการปรับปรุงตามข้อจำกัดของ Bitcoin เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่ง Altcoin จำนวนมากนั้นใช้กลไกการทำงานแบบ Proof-of-Stake (PoS) เพื่อลดการใช้พลังงานและลดเวลาที่จำเป็นในการสร้างบล็อกเพื่อตรวจสอบธุรกรรมใหม่

ยกตัวอย่าง Altcoin ตัวหนึ่งคือ Ether (ETH) ที่เป็นคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกตามมูลค่าราคาตลาด ซึ่งใช้ ETH Gas เป็นการชำระค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมหรือการสร้าง Smart Contract หรืออีกตัวอย่างคือ Stablecoin ที่ไม่แสดงความผันผวนของราคาเหมือนอย่าง Bitcoin ซึ่งมีความเหมาะสมกว่าสำหรับการใช้ทำธุรกรรมรายวัน ด้วยการแยกความแตกต่างที่ชัดเจนออกมาจากลักษณะของ Bitcoin นั้นจึงทำให้ Altcoin สามารถตีตลาดสำหรับตัวเองได้น่าสนใจอย่างยิ่ง

Altcoin มีกี่ประเภท?

การจัดหมวดหมู่จะขึ้นอยู่กับฟังก์ชันและกลไกการทำงานเป็นหลัก โดย Altcoin บางตัวอาจถูกจัดให้อยู่มากกว่าหนึ่งหมวดหมู่ได้เช่นเดียวกัน

Mining-Based
Altcoin ที่ใช้การขุดนั้นมีอยู่จริงตามชื่อของการจัดหมวดหมู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กลไกการทำงานแบบ Proof-of-Work (PoW) ที่เป็นระบบการผลิตเหรียญใหม่ด้วยการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยจะมีความยากง่ายเฉพาะตัวเพื่อนำไปสู่การสร้างบล็อกใหม่ ตัวอย่างของ Altcoin ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ ได้แก่ Litecoin, Monero และ Zcash เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีการขุด Altcoin แบบ Pre-Mine หรือเหรียญที่ขุดไว้ล่วงหน้า ซึ่งเหรียญที่ใช้วิธีดังกล่าวจะไม่ได้ถูกผลิตขึ้นโดยอัลกอริธึมทางคณิตศาสตร์ แต่จะเป็นการแจกจ่ายออกไปก่อนที่จะมีรายชื่ออยู่ในตลาดคริปโต ตัวอย่างของ Altcoin แบบ Pre-Mine คือ XRP ของ Ripple

Stablecoin
การซื้อขายและการใช้งานคริปโตได้ถูกปักธงทำเครื่องหมายเอาไว้ ในเรื่องความผันผวนตั้งแต่ที่ได้มีการเปิดตัวออกมา ซึ่งการออกแบบ Stablecoin นั้นตั้งเป้าที่จะลดความผันผวนโดยรวมนี้ ด้วยการผูกตรึงตัวมันไว้กับมูลค่าของกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกัน เช่น สกุลเงินดั้งเดิม โลหะมีค่า หรือคริปโตด้วยกันเอง เป็นต้น โดยการผูกตรึงนี้มีไว้เพื่อให้มันทำหน้าที่เป็นตัวสำรองในการไถ่ถอนการถือครองได้หากคริปโตสกุลนั้นล้มเหลวหรือประสบปัญหาใด ๆ ก็ตาม ซึ่งความผันผวนเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับราคาของ Stablecoin นั้นจะไม่มีทางเกินขอบเขตของมูลค่าที่ได้ทำการผูกตรึงไว้ ตัวอย่างของ Stablecoin ที่ผูกตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ USDT, USDC และ MarkerDAO เป็นต้น

Security Token
Security Token หรือโทเคนรักษาความปลอดภัย เป็น Altcoin ที่คล้ายกับหลักทรัพย์ต่าง ๆ ที่ซื้อขายกันในตลาดหุ้น แต่ต่างกันเพียงแค่สิ่งนี้มีที่มาจากโลกดิจิทัล โดย Security Token นี้จะคล้ายกับหุ้นแบบดั้งเดิมในรูปแบบการเป็นเจ้าของร่วม หรือการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือครอง ซึ่งโอกาสที่ราคาจะสูงขึ้นของโทเคนดังกล่าว จะเป็นแรงดึงดูดที่สำคัญต่อนักลงทุนที่จะนำเงินไปลงทุนด้วย โดยทั่วไปแล้วมักจะมีการเสนอ Security Token ให้กับนักลงทุนผ่านการระดมทุนแบบ ICO

Utility Token
Utility Token ถูกออกแบบมาเพื่อใช้บริการภายในเครือข่ายของผู้พัฒนาโทเคน ตัวอย่างเช่น อาจถูกใช้เพื่อซื้อบริการหรือแลกของรางวัล เป็นต้น ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก Security Token ตรงที่จะไม่มีการจ่ายเงินปันผล หรือเป็นส่วนหนึ่งที่มีสัดส่วนในการถือหุ้น

“Altcoin หลายสกุลมีกรณีใช้งานที่โดดเด่นมากกว่า Bitcoin”

จะดีหรือไม่? หากลงทุนไปกับ Altcoin

ในขณะนี้จำนวน Altcoin ในตลาดได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และมันได้ดึงดูดนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่จำนวนมากเข้ามาในตลาด โดยเน้นไปที่การเดิมพันการเคลื่อนไหวของราคา เพื่อสะสมผลกำไรระยะสั้น แต่เหล่านักลงทุนดังกล่าวก็ไม่ได้มีเงินทุนมากพอที่จำเป็นในการสร้างสภาพคล่องให้แก่ตลาด Altcoin ได้ ซึ่งบางตลาดนั้นก็ไม่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดและรัดกุมมากพอ จึงทำให้เกิดความผันผวนอย่างมากในการประเมินมูลค่าของ Altcoin บางส่วน

พิจารณาจากกรณีของ Ether ที่เคยได้แตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 44,000 บาทเมื่อกลางเดือนมกราคม ปี 2018 ซึ่งหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือนราคาก็ได้ร่วงลงไปที่ 11,000 บาท และภายในสิ้นปีนั้นราคาของ Ether ก็ได้ตกฮวบลงไปที่ 2,000 บาทด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม Altcoin ตัวนี้ที่ชื่อว่า Ether ก็ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราคา 129,000 บาทในอีก 2 ปีต่อมา (กลางเดือนพฤษภาคม ปี 2021) ซึ่งถ้าหากนักลงทุนคนใดที่ได้ถือครองระยะยาวมาตั้งแต่ปลายปี 2018 แล้วได้นำมาปล่อยขายในช่วงที่เรียกว่า All Time High นี้ก็คงได้รับผลกำไรไปอย่างมหาศาลเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามปัญหายังคงมีอยู่เพราะตลาดคริปโตนั้นยังไม่ถือว่าเติบโตเต็มที่ ถึงแม้จะมีความพยายามอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่มีเกณฑ์การลงทุนที่จะเข้ามากำหนด หรือแม้แต่ตัวชี้วัดเพื่อประเมินมูลค่าของคริปโต โดยส่วนใหญ่แล้วตลาด Altcoin นั้นถูกขับเคลื่อนด้วยการเก็งกำไรเป็นหลัก และมีหลายกรณีด้วยกันที่สกุลเงินเหล่านี้ค่อย ๆ ตายไปจากตลาด เนื่องมาจากผลประโยชน์ที่ได้มานั้นไม่มากพอที่จะฉุดรั้งตัวสกุลเงินเอาไว้ในตลาดต่อไปได้ หรือบางกรณีที่สกุลเงินหายไปจากรายชื่อหลังจากที่ได้สั่งสมเงินของเหล่านักลงทุนที่ได้ลงทุนเอาไว้

ดังนั้นแล้วตลาด Altcoin จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่เต็มใจรับความเสี่ยงจากพฤติกรรมของตลาด ที่ไม่มีการควบคุมและพวกสกุลเงินใหม่จะมีแนวโน้มความผันผวนพอสมควร ซึ่งนักลงทุนควรที่จะสามารถจัดการกับความเครียดที่เกิดจากความผันผวนของราคาให้ได้ โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้หากคุณทำได้ ตลาดคริปโตจะให้ผลตอบแทนที่ดีกับคุณอย่างแน่นอน

Altcoin แต่ละสกุลถูกสร้างมาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน

ข้อดีและข้อเสียของ Altcoin

ข้อดี

  • Altcoin ถือเป็น Bitcoin ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า เนื่องจากมีจุดมุ่งหมายในการแก้ทางข้อบกพร่องของคริปโต
  • Altcoin ประเภท Stablecoin นั้นสามารถเติมเต็มคำสัญญาแรกเริ่มของ Bitcoin เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมรายวันได้
  • Altcoin บางตัวนั้นได้รับการสนับสนุนจากสถาบันหลัก จึงส่งผลให้การประเมินมูลค่าสูง ตัวอย่างเช่น Ether ของ Ethereum และ XRP ของ Ripple
  • นักลงทุนสามารถเลือก Altcoin ที่หลากหลายได้จากหน้าที่หลักของมันในระบบเศรษฐกิจทางดิจิทัล

ข้อเสีย

  • Altcoin มีระบบนิเวศที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin
  • ตลาด Altcoin มีลักษณะเฉพาะในเรื่องของนักลงทุนที่น้อยกว่า และรวมไปถึงมีสภาพคล่องเพียงเล็กน้อย จึงส่งผลให้ราคาของพวกมันมีความผันผวนมากเมื่อเทียบกับ Bitcoin
  • ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะสามารถแยกแยะความแตกต่างของแต่ละ Altcoin ได้ เนื่องจากกรณีใช้งานในหลายสกุลก็มีความคล้ายคลึงจนเหมือนถอดแบบกันมา สิ่งนี้จึงทำให้การตัดสินใจลงทุนนั้นมีความยาก และเกิดความสับสนได้เช่นเดียวกัน
  • Altcoin ที่ล้มหายตายไปจากตลาดหลายตัวนั้น ต่างก็ลงเอยด้วยการจมเงินของนักลงทุนไปอย่างมหาศาล

Altcoin รุ่นบุกเบิก

Altcoin ยุคแรกที่โดดเด่นที่สุดอย่าง Namecoin นั้นใช้ Code-Based ของ Bitcoin และมีการใช้งานอัลกอริธึมกลไกการทำงานแบบ Proof-of-Work เหมือนกัน อีกทั้งยังรวมไปถึงการจำกัดอุปทานหมุนเวียนไว้ที่จำนวน 21 ล้านเหรียญเช่นเดียวกันกับ Bitcoin อีกด้วย

Namecoin เปิดตัวในเดือนเมษายน ปี 2011 โดยมีความแตกต่างสำคัญตรงที่ทำให้โดเมนของผู้ใช้ถูกมองเห็นได้น้อยลงกว่าของ Bitcoin ซึ่ง Namecoin อนุญาตให้ผู้ใช้ลงทะเบียนและขุดได้ด้วยการใช้โดเมน .bit ของตนเอง ที่มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการปกปิดตัวตนและต่อต้านการแทรกแซงของอำนาจรัฐ

ในขณะที่ Bitcoin ถูกเรียกว่า “Digital Gold” ก็มีอีกสกุลหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “Digital Siver” นั่นก็คือ Litecoin ที่ถือว่าเป็น Altcoin ในยุคบุกเบิกเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันเปิดตัวในเดือนตุลาคม ปี 2011 ถึงแม้ว่า Code-Based และฟังก์ชันการทำงานจะคล้ายคลึงกันโดยพื้นฐานเมื่อเทียบกับ Bitcoin แต่ก็ยังมีความแตกต่างที่สำคัญอยู่หลายประการ ตัวอย่างเช่น Litecoin สามารถอนุมัติธุรกรรมได้เร็วกว่า Bitcoin และนอกจากนี้ยังกำหนดอุปทานหมุนเวียนอยู่ที่ 84 ล้านเหรียญด้วยกัน ซึ่งนับเป็น 4 เท่าของขีดจำกัด 21 ล้านเหรียญของ Bitcoin

อนาคตของ “Altcoin”

พิจารณาจากเหตุการณ์ที่นำไปสู่ปัญหาของเงินดอลลาร์สหรัฐที่ออกโดยรัฐบาลกลางในศตวรรษที่ 19 ย้อนกลับไปในสมัยนั้นมีสกุลเงินท้องถิ่นหลายรูปแบบ และหลายประเภทที่หมุนเวียนในสหรัฐอเมริกา โดยในแต่ละอย่างนั้นมีลักษณะเฉพาะ และได้รับการสนับสนุนด้วยตราสารที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ตั๋วทองคำ ที่ได้รับการสนับสนุนจากการฝากทองคำที่กระทรวงการคลัง และธนบัตรของสหรัฐฯ ที่ใช้เป็นเงินทุนสำหรับสงครามกลางเมืองนั้นได้รับการสนันสนุนจากรัฐบาลกลาง เป็นต้น

ธนาคารท้องถิ่นในสมัยนั้นก็สามารถออกสกุลเงินของตนเองได้เช่นกัน ในบางกรณีก็ได้รับการสนับสนุนจากเงินสำรองที่ไม่มีอยู่จริง แต่ในเวลาต่อมาก็ทำการยุติระบบนี้ทั้งหมด และได้ทำการรื้อระบบสกุลเงินใหม่มาใช้ดอลลาร์สหรัฐเหมือนกันทั้งประเทศ ซึ่งความหลากหลายของสกุลเงินและเครื่องมือทางการเงินนั้น มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในตลาด Altcoin ซึ่งมีจำนวนหลายพันสกุลในตลาด โดยแต่ละเหรียญก็อ้างถึงบริการตามวัตถุประสงค์และมีแหล่งเงินทุนที่แตกต่างกันออกไป

ในสถานการณ์ปัจจุบันตลาด Altcoin นั้นไม่น่าจะมีเหตุการณ์ที่จะมีการรวมกันของหลายสกุลเงินให้เป็นสกุลเงินเดียวแบบเหตุการณ์ของสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 19 แต่มีแนวโน้มว่า Altcoin กว่า 2,000 รายการในตลาดคริปโตส่วนใหญ่อาจจะไม่รอด โดยเหล่า Altcoin ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มที่มีความสามารถและกรณีใช้งานที่เยี่ยมยอดนั้น อาจทำให้ Altcoin เหล่านี้อยู่รอดในตลาดและอาจครองตลาดได้เช่นเดียวกัน

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในตลาดคริปโตนั้น Altcoin ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีราคาไม่แพง ซึ่งอาจจะให้ผลตอบแทนที่มักจะเป็นทวีคูณของ Bitcoin อีกด้วยเช่นเดียวกัน

สรุปปิดท้าย

Altcoin เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนในตลาดคริปโตที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุน ในขณะที่ Altcoin หลายตัวก็มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแล้ว แต่ก็ยังมี Altcoin อีกมากกว่า 10,000 สกุลที่มีความต้องการจะสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ไม่ว่าจะในเรื่องของการปรับปรุงเพื่ออุดช่องโหว่ของ Bitcoin หรือกรณีใช้งานใดก็ตาม ซึ่งสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรทราบคือ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Altcoin นั้นอาจคล้ายคลึงกันกับ Bitcoin แต่ในบางครั้งก็มีความเสี่ยงที่มากกว่าหลายเท่าตัว ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างดีก่อนตัดสินใจลงทุน

ประเภทของประกันรถยนต์

ประกันชั้น 1

เพิ่มเติม

ประกันชั้น 2+

เพิ่มเติม

ประกันชั้น 3+

เพิ่มเติม

พ.ร.บ.รถยนต์

เพื่มเติม

ทิปดีๆ เกี่ยวกับประกันรถยนต์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันรถยนต์

เพิ่มเติม

วิธีคำนวนเบี้ยประกันรถยนต์

เพิ่มเติม

ทำอย่างไรให้ได้เบี้ยประกันลดลง

เพิ่มเติม

ประกันที่เหมาะกับมือใหม่

เพิ่มเติม

หลังเกิดอุบัติเหตุรถชน ควรทำอย่างไร

เพิ่มเติม

เมาแล้วขับ

เพิ่มเติม

ไม่เคลม รับส่วนลดเบี้ยประกัน

เพิ่มเติม

รถมีประกันหรือเปล่า

เพิ่มเติม

ทิปดีๆ เกี่ยวกับประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์สำหรับผู้พิการ

เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์แบบระบุชื่อคนขับ 2 คน

เพิ่มเติม

ความคุ้มครองเติมน้ำมันผิดประเภท

เพิ่มเติม

ส่วนลดประวัติดี

เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่

เพิ่มเติม