Connect with us

วิธียืดอายุการใช้งานให้สมาร์ทโฟน

อยากให้โทรศัพท์มือถือของเราใช้งานได้นานที่สุดต้องทำอย่างไร Tadoo มีวิธีง่ายๆมาบอก

ใช้โทรศัพท์มือถืออย่างไร ให้ใช้ได้เป็นระยะเวลานานๆ

เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า เมื่อเราซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาใช้งาน ไม่ว่าจะราคาใดก็ตาม เราก็คงอยากให้โทรศัพท์ของเราใช้งานได้นานๆจนกว่าถึงเวลาเปลี่ยนไม่ใช่เปลี่ยนเพราะโทรศัพท์มือถือพังหรือเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ใช้งานไม่ได้ การที่โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นจะใช้งานได้ยาวนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานโทรศัพท์มือถือของแต่ละคนด้วย เพื่อให้เราใช้งานโทรศัพท์มือถือให้ยาวนานที่สุด Tadoo มีวิธีง่ายๆ แต่ทำให้เรายืดอายุการใช้งานโทรศัพท์มือถือได้มากขึ้น รวมไปถึงวิธีทะนุถนอมโทรศัพท์มือถือของเราไม่ให้พัง รวมไปถึงป้องกันปัญหามือถืออืด ทำงานช้า หน้าจอเป็นรอย ฯลฯ

จุดเด่น

  • ดูแลโทรศัพท์เป็นประจำ ด้วยการใส่เคสและฟิล์มกันรอย และหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ
  • ม่ควรนำโทรศัพท์ไปไว้ใกล้แหล่งความชื้นและวัตถุที่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน
  • เคลียร์ความจุเครื่องเสมอหรือ Reset เครื่องเพื่อให้โทรศัพท์มือถือทำงานได้ดีขึ้น
  • ใช้โหมดประหยัดพลังงานและให้โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
  • อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นปัจจุบัน หรือถ้าโทรศัพท์เกิดปัญหาให้ส่งซ่อมที่ศูนย์บริหารหรือร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ

ใส่เคสกันกระแทก และติดฟิล์มกันรอย

สิ่งแรกที่ต้องทำทันทีหลังจากซื้อโทรศัพท์มือถือ ก็คือการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอและใส่เคสกันรอยเพื่อกันกระแทก สำหรับมือถือบางรุ่นนั้นก็จะมีเคสแถมมาให้ในกล่องเลย ทำให้ประหยัดค่าเคสไปได้ เราสามารถให้พนักงานขายใส่เคสโทรศัพท์มือถือให้เราได้เลย หรืออาจเพิ่มงบอีกนิดหน่อยก็แนะนำให้ซื้อกระจกนิรภัยและเคสชนิดพิเศษมาใช้ก็ช่วยป้องกันโทรศัพท์จากการกระแทกได้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัยที่มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องใช้มือถือด้วยความระมัดระวังจะดีที่สุด

หมั่นทำความสะอาดตัวเครื่องและช่องเสียบเชื่อมต่ออย่างสม่ำเสมอ – หลายครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์มือถือของเราอาจแก้ไขได้ง่าย ๆ เพียงแค่เราหมั่นทำความสะอาดตัวเครื่องและพอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะปัญหาเหล่านั้นอาจเกิดจากฝุ่นผงและคราบไขมันที่เข้าไปอุดตันในช่องเสียบสายชาร์จหรือหูฟังของเรา ทำความสะอาดมือถือของคุณได้ง่ายๆด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือใช้สำลีก้านเช็ดตามซอกเล็ก ๆ และช่องเสียบก็ได้

 

อย่านำโทรศัพท์มือถือไปไว้ใกล้ความชื้น

ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือจะได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง โดยที่สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ดี แต่โอกาสที่โทรศัพท์มือถือจะตกน้ำทำให้เครื่องพังก็ยังเป็นไปได้ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือไปอยู่ใกล้กับความชื้น เช่นเมื่อเข้าห้องน้ำก็ต้องเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าให้เรียบร้อย เพราะถ้าโทรศัพท์มือถือเกิดตกน้ำขึ้นมา ก็อาจจะพังก็ได้ หรือถ้าเกิดมีฝนตกก็ให้หาถุงพลาสติกคลุมโทรศัพท์มือถือเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำฝนเข้ามาในเครื่องได้

หลีกเลี่ยงอย่าให้โทรศัพท์โดนรอยขีดข่วน – ถึงแม้เราจะใส่เคสกันกระแทกและติดฟิล์มกันรอยเป็นอย่างดีก็ตาม แต่การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการที่โทรศัพท์โดนขีดข่วนย่อมเป็นวิธีที่ดีกว่า ทางที่ดีอย่าเก็บโทรศัพท์มือถือไว้รวมไว้กับสิ่งของเหล่านี้ เช่น พวงกุญแจ ของชิ้นเล็กที่มีความแหลมคม เศษเหรียญ เพราะสามารถสร้างรอยขีดข่วนบนโทรศัพท์มือถือของเราได้

“ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอและใส่เคสกันรอยเพื่อกันกระแทกเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำหลังซื้อโทรศัพท์มือถือทันที”

เคลียร์ความจุเครื่องให้เหลือพื้นที่ว่างอยู่เสมอ

เมื่อโทรศัพท์มือถือของเราเกิดอาการช้า อืด จนทำให้เราตัดสินใจซื้อมือถือใหม่ไปเลย แต่ในความเป็นจริงนั้นยังมีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้โดยที่ไม่ต้องซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็น การลบรูปภาพ วิดีโอ หรือแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นออก แต่ถ้าลบเท่าไหร่พื้นที่ความจุเครื่องก็ยังไม่เพิ่ม ให้เราลองลบไฟล์ขยะจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ออก ส่วนใหญ่จะเป็นแอปพลิเคชันที่เราใช้งานบ่อยอย่าง Facebook, LINE เมื่อเราลบไฟล์ขยะออกไปแล้ว จะทำให้ให้พื้นที่ความจุในโทรศัพท์ของเราเพิ่มขึ้นได้ หรือจะย้ายไฟล์เก่า ๆ ไปเก็บไว้บน Cloud เช่น Google Drive หรือ Dropbox แล้วลบไฟล์เก่าในเครื่องทิ้งไปเลย เพราะข้อมูลได้ถูกสำรองไว้แล้ว

Reset เครื่องใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่กลับมาเหมือนตอนซื้อใหม่ๆ
เพราะเมื่อเราใช้โทรศัพท์มือถือมาเป็นระยะเวลานานๆ ก็อาจทำให้มีการสะสมไฟล์ขยะและอื่น ๆ ตามระยะเวลาการใช้งาน ก่อนจะ Reset เครื่องควรสำรองไฟล์ในมือถือเอาไว้เสียก่อน แล้ว Reset ตัวเครื่องใหม่ เพื่อล้างการตั้งค่าใหม่หมด และเมื่อล้างเครื่องแล้ว โทรศัพท์มือถือของเราจะเหมือนกับที่ซื้อมาใหม่ๆ

ถ้าโทรศัพท์มือถือมีปัญหาหรือใช้งานไม่ได้ให้แจ้งศูนย์บริการทันที

ใช้โหมดประหยัดพลังงาน

ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือของเราจะมีความจุมากมายก็ตาม แต่ในบางครั้งอาจมีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้แบตเตอรี่หมดระหว่างการใช้งานได้เช่นกัน นอกจากการพกแบตเตอรี่สำรองและสายชาร์จเตรียมไว้เป็นพลังงานสำรอง เราก็ยังสามารถตั้งค่าให้โทรศัพท์มือถือของเราใช้งานโหมดประหยัดพลังงานเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด หรือตั้งค่าอื่น ๆ ไปพร้อมร่วมด้วยเพื่อประหยัดพลังงาน เช่น ปิด Wi-Fi, Bluetooth และให้ปิดการปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ โดยปรับแสงหน้าจอให้สว่างพอดีเพื่อถนอมสายตาและลดการใช้งานแบตเตอรี่

ไม่โหลดแอปพลิเคชันอื่นนอก App Store และ Google Play – แอปพลิเคชันที่มีอยู่ใน App Store ของไอโฟน และ Google Play Store ของแอนดรอยด์นั้นมีเยอะมาก ๆ เราจึงไม่จำเป็นจะต้องหาแอปพลิเคชันจากแหล่งอื่นๆมาใช้งานอีกต่อไป เพราะแอปพลิเคชันที่ไม่รับการตรวจสอบจาก App Store และ Google Play Storeนั้น อาจมีไวรัสแฝงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับโทรศัพท์มือถือของเราได้

อัปเดตแอปพลิเคชันและระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

โทรศัพท์มือถือหลายๆรุ่นจะต้องอัปเดตแอปพลิเคชันและระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ เพื่อให้โทรศัพท์มือถือของเราทำงานได้ดีขึ้น เพราะเมื่ออัปเดตแอปพลิเคชันและระบบปฏิบัติการจะช่วยแก้ไขบั๊กให้มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น และอุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยต่าง ๆ แต่ต้องเช็กให้ดีว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่เราใช้อยู่นั้นเจอปัญหาหลังจากอัปเดตหรือไม่ ถ้าไม่เกิดปัญหาใด ๆ ก็สามารถอัปเดตแอปพลิเคชันระบบปฏิบัติการได้เลย

เมื่อโทรศัพท์มือถือเกิดปัญหาที่เราแก้ไขเองไม่ได้ให้ส่งซ่อมทันที – ใครที่ใช้โทรศัพท์มือถือแล้วเกิดปัญหาหนัก ๆ เราต้องส่งซ่อมที่ศูนย์บริการหรือร้านซ่อมมือถือ โดยเฉพาะกรณีที่เครื่องค้าง กระจกหน้าจอแตก แบตเตอรี่เสื่อม ก็แนะนำให้ส่งศูนย์หรือร้านซ่อมจะดีกว่าถ้าโทรศัพท์มือถือช่วงนั้นอยู่ในช่วงประกัน ก็จะได้รับการซ่อมฟรี โดยไม่จำเป็นต้องซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่แต่อย่างใด

ผลิตภัณฑ์มือถือ

คู่มือยอดนิยมสำหรับมือถือ