Connect with us

วิธียืดอายุแบตเตอรี่ให้สมาร์ทโฟน

จะทำยังไงให้เราใช้แบตเตอรี่ได้นานขึ้น เรามีวิธีที่จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่มือถือของคุณให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น

วิธีประหยัดแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ

ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนเปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ของทุกๆคนไปแล้ว เพราะนอกจากใช้โทรออกและรับสายแล้ว โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนยังช่วยอำนวยความสะดวกให้การใช้ชีวิตของเราได้สารพัด เช่น สามารถติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ หรือสามารถใช้แอปพลิเคชันคอยช่วยเหลือคุณในยามที่ต้องการ เช่นเมื่อคุณออกกำลังกาย ก็มีแอปพลิเคชันในการควบคุมเวลาและจังหวะในการออกกำลังกายของคุณ หรือคุณจะถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือได้เลยโดยไม่ต้องใช้กล้องถ่ายรูปเหมือนสมัยก่อน เป็นต้น แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเราใช้งานโทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน ก็ทำให้ใช้แบตเตอรี่โทรศัพท์มากไปด้วยเช่นกัน จึงทำให้หลายๆครั้งที่คุณกำลังใช้งานโทรศัพท์อยู่แต่แบตเตอรี่มีเหลือไม่พอสำหรับการใช้งานในครั้งนั้น และทำให้คุณหงุดหงิดใจได้ ดังนั้น Tadoo จึงได้จำวิธีประหยัดแบตเตอรี่มือถือมาฝากคุณง่ายๆ ซึ่งคุณสามารถทำได้ ดังต่อไปนี้

จุดเด่น

  • ปิดการเชื่อมต่อ ทั้ง การระบุตำแหน่ง Bluetooth และ Wi-Fi เมื่อไม่ได้ใช้งาน
  • ปิดการอัปเดตแอปพลิเคชั่นโดยอัตโนมัติและปิดการแจ้งเตือนเพื่อประหยัดพลังงาน
  • ตั้งค่าหมดเวลาหน้าจอในเวลาที่ไม่นานเกินไป และให้เปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน

ปิดการเชื่อมต่อ ทั้งการระบุตำแหน่ง Bluetooth และ Wi-Fi เมื่อไม่ได้ใช้งาน

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเซฟแบตเตอรี่ เราแนะนำให้คุณปิดการเชื่อมต่อสัญญาณเพื่อทำให้โทรศัพท์มือถือใช้พลังงานน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นการระบุตำแหน่ง การเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือการเชื่อมต่อ Bluetooth หรือการแชร์ Hotspot เพราะเป็นการเชื่อมต่อโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่สูงมาก และถ้าคุณเผลอเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลาทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่เป็นอย่างมาก ถ้าคุณต้องการประหยัดแบตเตอรี่ คุณก็สามารถปิดฟังก์ชันเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองโดยเข้าไปที่การตั้งค่า ต่อจากนั้นให้เข้าไปที่การเชื่อมต่อนั้นๆ แล้วสลับเป็นปิดการใช้งาน หรือถ้าโทรศัพท์ของคุณมีฟังก์ชันด่วนซ่อนอยู่ด้านบน เพียงแค่เลื่อนหน้าจอลงมา แล้วกดที่ไอคอนของการเชื่อมต่อนั้นๆ เมื่อไม่มีไฟขึ้นที่ไอคอนนั้นๆ แสดงว่าได้ปิดการเชื่อมต่อแล้ว

ไม่ใช้งานปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ เพื่อเซฟแบตเตอรี่ – ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะปรับตั้งค่าให้ความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติเพื่อความสะดวกในการใช้งานในทุกสภาพแสงนั่นเอง แต่หากคุณปรับความสว่างหน้าจอด้วยตัวเองจะดีกว่า เพราะถ้าคุณเลือกปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติจะทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่มาก และทำให้เครื่องร้อนด้วย เช่น เมื่อคุณในห้องหรือในพื้นที่ที่มีแสงน้อย โทรศัพท์มือถือของคุณจะปรับความสว่างในระดับสูงโดยอัตโนมัติ และทำให้แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น คุณจะต้องปรับความสว่างหน้าจอด้วยตัวเอง โดยสามารถปรับความสว่างให้อยู่ในค่าที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เช่น เมื่ออยู่ในช่วงกลางคืนก็สามารถปรับให้มีความสว่างน้อยลงเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น

ปิดการอัปเดตแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติและปิดการแจ้งเตือน

การอัปเดตแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเพื่อให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้แอปพลิเคชันทำงานได้ดีขึ้น แต่ก็ทำให้สิ้นเปลืองการใช้งานแบตเตอรี่ได้มากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถ้าเราทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วที่ไม่มากพอแต่ต้องอัปเดตแอปพลิเคชันที่มีไฟล์ขนาดใหญ่แล้วนั่นยิ่งทำให้ใช้เวลานานขึ้นไปอีก และจะต้องส่งผลใช้แบตเตอรี่สูงขึ้น ทำให้แบตเตอรี่หมดลงในเวลารวดเร็ว สิ่งที่ต้องทำเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ก็คือการปิดใช้งานการอัปเดตแอปพลิเคชันอัตโนมัติ

ปิดเสียงแจ้งเตือนและการสั่นเมื่อไม่ต้องการ – โทรศัพท์มือถือของเรามักจะมีการแจ้งเตือนต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนแบบเสียงหรือแบบสั่น นอกจากการแจ้งเตือนแบบเสียงและแบบสั่นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่มากๆก็คือ เสียงที่แสดงเมื่อเรากดหมายเลขโทรศัพท์ หรือเสียงการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันสั้นๆ รวมไปถึงเสียงล็อกหน้าจอด้วยเช่นกัน ที่จะทำให้แบตเตอรี่ลดลงได้ ซึ่งวิธีการปิดการแจ้งเตือนแบบเสียงและแบบสั่นสามารถปิดได้โดยเข้าไปที่การตั้งค่าของโทรศัพท์ของคุณ และเลือก “เสียงและการสั่น” หลังจากนั้นให้เลือกปิดการแจ้งเตือนทั้งแบบเสียงและแบบสั่นขอแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการได้เลย

“การอัปเดตแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติเพื่อให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้แอปพลิเคชั่นทำงานได้ดีขึ้น”

ตั้งค่าหมดเวลาหน้าจอในเวลาที่ไม่นานเกินไป

เพื่อให้การใช้งานแบตเตอรี่มีความยาวนานมากขึ้น คุณควรตั้งค่าหมดเวลาหน้าจอโทรศัพท์ให้สั้นเพื่อลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ แนะนำว่าควรตั้งเวลาหมดหน้าจอให้น้อยกว่า 1 นาที เพราะเมื่อคุณไม่ได้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ การตั้งค่าหมดเวลาหน้าจอจะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ไปได้มากมาย

ใช้วอลล์เปเปอร์ที่เรียบ ไม่ใช้วอลล์เปเปอร์ภาพเคลื่อนไหว – วอลล์เปเปอร์แบบเคลื่อนไหวจะทำให้การใช้งานแบตเตอรี่หมดลงรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะการเคลื่อนไหวบนวอลล์เปเปอร์จะเป็นตัวเร่งในการใช้งานแบตเตอรี่ ถึงแม้ว่าวอลล์เปเปอร์แบบเคลื่อนไหวจะดูสวยงามทำให้โทรศัพท์มือถือน่าใช้ก็ตาม แต่ก็ทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่ได้ง่ายๆ ดังนั้นควรคำนึงถึงพลังงานในแบตเตอรี่มากกว่าความสวยงามของหน้าจอ ทางที่ดีให้คุณใช้หน้าจอแบบภาพนิ่ง หรือวอลล์เปเปอร์แบบนิ่งๆที่ไม่มีการเคลื่อนไหวจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่มากกว่า

โหมดประหยัดพลังงานทำให้คุณสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือโดยที่ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่มากขึ้น

เปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน

โหมดประหยัดพลังงานทำให้คุณสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือโดยที่ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน โหมดประหยัดพลังงานจะลดความสามารถในการทำงานบางส่วนของโทรศัพท์มือถือด้วยเช่นกัน โดยฟังก์ชันการทำงานของโหมดประหยัดพลังงานนั้นจะปิดการทำงานเบื้องหลังและเอฟเฟกต์ต่างๆ เป็นต้น

ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ค่อยได้ใช้งานออกไป – เพื่อให้ประหยัดการใช้งานแบตเตอรี่อย่างมากที่สุด คุณควรจะถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันที่คุณไม่ค่อยใช้งาน เพราะจะทำให้ใช้งานแบตเตอรี่เป็นอย่างมากและสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ ดังนั้นคุณจะต้องถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นออกไป นอกจากจะเป็นการเซฟแบตเตอรี่แล้ว ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ว่างในโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้น

เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของคุณให้ยาวนานที่สุด การรู้เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่ที่ดีสามารถช่วยยืดระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ของคุณให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น โดยมีเทคนิคการชาร์จดังนี้

– ควรชาร์จเมื่อแบตเตอรี่อยู่ระหว่าง 30% และ 80%
– ไม่ควรใช้งานโทรศัพท์มือถือขณะชาร์จแบตเตอรี่
– ใช้สายชาร์จที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย เช่น ป้องกันไฟรั่ว เป็นต้น
– ใช้แบตเตอรี่ของแท้เท่านั้น เพราะแบตเตอรี่ของปลอมจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าแบตเตอรี่ของแท้
– พยายามให้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนไม่ร้อนจนเกินไป

ผลิตภัณฑ์มือถือ

คู่มือยอดนิยมสำหรับมือถือ