บัตรเงินสด
บัตรกดเงินสดมีประโยชน์เมื่อต้องการใช้เงินแบบเร่งด่วน ไม่เสียค่าธรรมเนียม
บัตรกดเงินสดมีประโยชน์เมื่อต้องการใช้เงินแบบเร่งด่วน ไม่เสียค่าธรรมเนียม
บัตรกดเงินสด คือบัตรที่สถาบันการเงินเจ้าของบัตรพิจารณาสินเชื่อเป็นเงินสด ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบสินเชื่อส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปของบัตร โดยส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะอนุมัติวงเงินในบัตรกดเงินสดสูงสุด 5 เท่าของเงินเดือนปัจจุบัน บัตรกดเงินสดสามารถกดเงินได้ที่ตู้ ATM ของธนาคารเจ้าของบัตรได้ทั่วประเทศโดยที่รายได้ขั้นต่ำในการสมัครบัตรกดเงินสดนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท สำหรับดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดนั้นเป็นดอกเบี้ยสินเชื่อที่สูงที่สุด ซึ่งสูงถึง 28% ต่อปี แต่เมื่อกดเงินออกมาจะไม่มีการหักค่าธรรมเนียมเหมือนการกดเงินผ่านบัตรเครดิต และจำนวนเงินขั้นต่ำที่กดได้จะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท
การใช้บัตรกดเงินสดนั้นมีข้อดี คือ สามารถถอนเงินสดออกมาจากตู้ ATM ได้ทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และภาษีมูลค่าเพิ่ม จะกดเงินสดออกเท่าไหร่ก็ได้ โดยให้วงเงินสูงสุดที่ประมาณ 5 เท่าของรายได้ ซึ่งต่างจากการกดเงินสดด้วยบัตรเครดิต ที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการกด 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% นอกจากนี้บัตรกดเงินสดยังทำหน้าที่เป็นวงเงินฉุกเฉินให้กับคุณอีกต่างหาก ในกรณีที่คุณขาดสภาพคล่องทางการเงินก็สามารถใช้บัตรกดเงินสดถอนเงินออกมาได้ แต่ถ้าหากยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสดฉุกเฉิน ก็ไม่ต้องกดเงินออกมา และไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปีเหมือนบัตรเครดิต ถือได้ว่า เป็นบัตรที่เหมาะสำหรับเป็นวงเงินฉุกเฉินจริงๆ
ในบรรดาสินเชื่อทั้งหมด บัตรกดเงินสดถือว่ามีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุด คือมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 28% ต่อปี นอกจากนี้การคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินจะคิดเป็นรายวันตั้งแต่วันที่ถอนเงินสด ถึงแม้ว่าเมื่อครบกำหนดชำระแล้วจ่ายเต็มจำนวน หรือถอนเงินออกมาแค่วันเดียวก็ตาม การถอนเงินสดจะถูกคิดดอกเบี้ยทันที คุณก็ยังต้องเสียดอกเบี้ยอยู่ดี และในกรณีที่เลือกชำระเพียงขั้นต่ำ คุณก็ต้องเสียดอกเบี้ยบานตะไทแน่นอน เพราะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ถึงแม้จะเป็นการคิดแบบลดต้นลดดอกก็ตาม แต่ดอกเบี้ยก็เยอะอยู่ดี
“กดเงินได้ที่ตู้ ATM ทั่วประเทศ ไม่เสียค่าธรรมเนียม”
อาจมีคนสงสัยว่า บัตรกดเงินสดกับบัตรเครดิตเหมือนกันหรือต่างกัน Tadoo ขอตอบว่า บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดนั้นแตกต่างกันในรูปแบบการใช้งาน บัตรกดเงินสดเปรียบเสมือนสินเชื่อส่วนบุคคลในรูปแบบบัตร โดยธนาคารกำหนดวงเงินในบัตรให้สูงสุดประมาณ 5 เท่าของรายได้ และสามารถถอนเงินสดออกมาได้ที่ตู้ ATM ได้ทั่วประเทศ แต่ไม่สามารถรูดซื้อสินค้าได้เหมือนบัตรเครดิต และเสียดอกเบี้ยทันทีหลังจากถอนเงินสดออกมา โดยคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ส่วนบัตรเครดิตมีเอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระสินค้าและบริการ โดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆแก่ผู้ถือบัตร ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด โปรโมชั่น เครดิตเงินคืน หรือการสะสมคะแนน วิธีการชำระเงินของบัตรเครดิตแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ ธนาคารออกเงินให้เราไปใช้ก่อน แล้วเราค่อยนำเงินไปจ่ายให้ธนาคารทีหลัง บัตรเครดิตมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45-55 วัน ถ้าชำระตรงเวลาและเต็มจำนวนก็จะไม่เสียดอกเบี้ย
ดอกเบี้ยสูง และคิดดอกเบี้ยรายวัน ดังนั้นต้องวางแผนการใช้เงินดีๆ
สำหรับการคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดนั้น จะเริ่มคิดก็ต่อเมื่อมีการกดเงินสดมาใช้ แต่ถ้าไม่ได้กดเงินสดก็จะไม่มีการคิดดอกเบี้ย การคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะคิดจากจำนวนเงินที่กดออกมาใช้ในรอบนั้นๆ ไม่ได้คิดจากวงเงินในบัตรกดเงินสดแต่อย่างไร และการคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มคิดตั้งแต่วันที่กดเงินจนถึงวันสรุปรายการ ดังนั้น เมื่อต้องการจะกดเงินสดจากบัตรกดเงินสดต้องคิดคำนวณดอกเบี้ยให้ดี โดยสูตรการคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะคิดดังนี้
(จำนวนเงินสดที่กดออกมา x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันตั้งแต่วันกดเงินจนถึงวันสรุปรายการ) ÷ 365
จากที่ Tadoo นำข้อมูลมาให้อ่านกันนั้น จะเห็นได้ว่าไม่มีทางที่จะไม่เป็นหนี้บัตรกดเงินสด เพราะการคิดดอกเบี้ยจะเริ่มคิดทันทีหลังจากถอนเงินสดออกมา และคิดดอกเบี้ยแบบรายวัน แต่สามารถหลีกเลี่ยงการชำระดอกเบี้ยที่สูงได้โดยการรีบไปชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะบัตรกดเงินสดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินสดในกรณีเร่งด่วน หรือกรณีฉุกเฉิน แต่ทางที่ดีอย่าใช้บัตรกดเงินสดเมื่อไม่จำเป็น โดยการแบ่งเก็บเงินส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นเงินสดในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งแยกออกจากเงินออมปกติ เพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำรองในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 6 เดือนของรายได้ที่ได้รับ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีกว่า เพราะคุณไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้บัตรกดเงินสด ที่คิดเป็นรายวันจนกว่าคุณจะชำระเงินคืนโดยไม่จำเป็น