ค่าความเร็วในการอัพโหลด ดาวน์โหลด
มาทำความรู้จักกับ Mbps / ความเร็วในการอัพโหลด / ความเร็วในการดาวน์โหลด กันเถอะ
มาทำความรู้จักกับ Mbps / ความเร็วในการอัพโหลด / ความเร็วในการดาวน์โหลด กันเถอะ
เมกะบิตต่อวินาที ( Megabit Per Second, Mbps , Mbit/s) เป็นหน่วยปริมาณข้อมูลที่ใช้วัดขนาดในการส่งข้อมูลหน่วยหนึ่ง เห็นได้บ่อยบนระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่ง 1 Mbps = 1,000 Kbps
ความเร็วอัปโหลด หมายถึง ความเร็วที่คุณต้องใช้ในการส่งข้อมูลต่างๆ จากเครื่องไปยังอินเทอร์เน็ต เช่น การส่งรูปภาพให้เพื่อนผ่านแชท อีเมล หรือการไลฟ์สด (Live Broadcast)
ความเร็วดาวน์โหลด หมายถึง ความเร็วที่คุณต้องใช้ในการรับข้อมูลต่างๆ จากอินเทอร์เน็ตเข้ามาในเครื่อง เช่น การบันทึกรูปภาพไว้ การเปิดหน้าเว็บใหม่ขึ้นมา หรือการดาวน์โหลดหนังออนไลน์ต่างๆ เก็บไว้ดู
“ความเร็วของการดาวน์โหลดจะขึ้นอยู่กับไฟล์เอกสารด้วย”
1. ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ (CPU, RAM,OS และ Disk I/O)
2. เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานหนักแค่ไหน
3. ชนิดของบราว์เซอร์ที่ใช้ (Firefox, IE, Safari, Google Chrome)
4. ลักษณะการเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์ (modem, ADSL, Wifi, LAN)
5. Speed Test เช็คความเร็วเน็ตเป็นบริการตรวจวัดความเร็วอินเทอร์เน็ตของเรากับ Website ที่ให้ทดสอบว่ามี ความสามารถรับส่งข้อมูล
6. (Download / Upload) เป็นอย่างไร แล้วนำมาเปรียบเทียบกับบริการอินเทอร์เน็ตที่เราใช้อยู่ ณ ขณะนั้นโดยจะมีค่าที่กล่าวถึงคือ
ค่า Download คือ ค่าความเร็วในการรับข้อมูลจากเว็บไซต์ที่ทดสอบ มายังที่เครื่องเรา (ค่ายิ่งมากยิ่งดี)
ค่า Upload คือ ค่าความเร็วในการส่งข้อมูลจากเครื่องของเรา ไปยังเว็บไซต์ที่ทดสอบ (ค่ายิ่งมากยิ่งดี)
ค่า Ping เป็นค่าแสดงความเร็วในการตอบสนอง ระหว่างเครื่องของเรากับเว็บไซต์ที่ทดสอบ (ค่ายิ่งน้อยยิ่งดี)
การเลือกอินเทอร์เน็ตบ้านควรรู้รายละเอียดข้อมูล เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
อินเทอร์เน็ต ถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนในการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้ เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร ความรู้ หรือสื่อความบันเทิงที่หลากหลาย เมื่อลองสังเกตดูดีๆ ผู้ใช้งานอาจพบว่าทำไมในบางครั้งเมื่อเราเช็คความเร็วเน็ต พบว่าอินเทอร์เน็ตที่เราใช้งานกันอยู่เป็นประจำนั้นเดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า บ้างก็ไม่สามารถเชื่อมต่อเพื่อใช้งานได้ หากว่าเป็นของความเร็วในการใช้งาน เราอาจไม่ต้องเดือดร้อนใคร เพราะเราก็สามารถที่จะปรับแต่งได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการทำให้ระบบโดยรวมของอินเทอร์เน็ตทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเชื่อมต่อได้อีกด้วย
1. Speed Up เร่งให้เร็ว – ในขั้นตอนนี้จะเป็นวิธีที่ใช้ให้เครื่องและระบบที่เราใช้งานอยู่นั้นไปจำกัดช่องทางรับส่งข้อมูล ซึ่งจะเป็นการแก้ไขตัวเลขพื้นฐานที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบในการทำแต่อย่างใด วิธีการง่าย คือ ให้เราเข้าสู่ระบบด้วยล็อกอิน Administrator เสียก่อน
2. ปรับค่า Bps หรือ Bits Per Second ให้สูงขึ้น – ในขั้นตอนนี้จะเป็นการปรับค่าให้มีการ Receive Buffer ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เริ่มด้วยเข้าไปที่ My Computer หรือ This PC จากนั้นคลิกขวา เลือก Properties แล้วคลิกเลือกแท็บ Hardware
3. ลบไฟล์ใน Cache ในเครื่องให้หมดจด – ในขั้นนี้เป็นการลบข้อมูลขยะ รวมถึงบรรดา Cache File ต่างๆ ออกไปจากระบบ ซึ่งจะช่วยให้ระบบสามารถทำงานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น รวมถึงเว็บเบราว์เซอร์ที่ใช้ในการทำงานด้วยเช่นกัน โดยขั้นนี้สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ Disk Cleanup หรือการลบจาก Web Browser > Internet Option > Delete > Delete Browsing History
แม้ว่าความเร็วเน็ตจะเป็นส่วนที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพของวิดีโอ หรือหนังต่างๆ แต่การติดตั้งเน็ต WiFi หรือแม้แต่สเปคของเครื่องที่ใช้เชื่อมต่อเน็ต รวมไปถึงจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้ต่อเน็ตในเวลาเดียวกันก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณคิดว่าความเร็วอัปโหลดที่ 15Mbps นั้นเพียงพอสำหรับการสตรีมมิ่งหนังแบบ HD แล้ว แต่อย่าลืมว่าในเวลาเดียวกันที่บ้านของคุณอาจจะกำลังมีลูกที่ใช้เน็ตเล่นเครื่องเกม Console มีภรรยาที่ใช้เน็ตดูหนังผ่านจอทีวีที่ต่อกับเน็ต และมีสมาร์ตโฟนอีก 3-4 เครื่องที่ใช้งานเน็ตอยู่ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้ว ความเร็ว 15Mbps ในตอนแรก ก็อาจจะไม่เพียงพอรองรับกิจกรรมเหล่านี้ แต่คุณอาจต้องใช้เน็ตความเร็ว 100Mbps หรือ 200 Mbps ด้วยซ้ำถึงจะเพียงพอ ดังนั้นถ้าที่บ้านคุณมีอุปกรณ์มากกว่า 2 หรือ 3 เครื่องที่ต่อเน็ตพร้อม ๆ กัน คุณอาจจะต้องเลือกแพ็กเกจที่สูงขึ้น เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้เน็ตบ้าน