แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้านแพงกว่าดีกว่าจริงหรือไม่
การเลือกแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากจะไม่ต้องจ่ายแพงแล้ว ยังได้ใช้แพ็กเกจที่คุ้มค่ามากขึ้นอีกด้วย
การเลือกแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากจะไม่ต้องจ่ายแพงแล้ว ยังได้ใช้แพ็กเกจที่คุ้มค่ามากขึ้นอีกด้วย
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการเสียค่าอินเทอร์เน็ตไปในราคาแพงๆ จะสามารถเล่นเน็ตได้เร็วและแรงกว่าแพ็กเกจเน็ตแบบถูก แต่ความเป็นจริงแล้วความแรงอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ได้ขึ้นกับค่า Mbps เดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของความเร็วเน็ตด้วยเช่นกัน อย่างเช่น ค่าความเร็วในการตอบสนองของข้อมูล หรือที่เรียกว่าค่า Ping ซึ่งหากค่า Ping น้อยก็ยิ่งดี และที่สำคัญคือตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า Router ว่ามีคุณภาพมากพอที่จะรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้เต็มอัตราหรือไม่ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์เล่นอินเทอร์เน็ตของเราก็มีผลด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน เป็นต้น
Bandwidth คือ ตัวที่ใช้วัดความสามารถในการรับส่งข้อมูลในเวลา 1 วินาที ซึ่งตัวเลขการวัดค่ายิ่งสูงเท่าไหร่ก็หมายถึงอัตราความเร็วในการอัปโหลด – ดาวน์โหลด ได้เร็วมากขึ้น เพราะส่งข้อมูลในแต่ละครั้งได้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งอัตราการส่งข้อมูลนี้มีหน่วยเป็น บิตต่อวินาที หรือ bps และตัวเลขเหล่านี้เองที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบอกเรามาตลอดว่ามันคือ “ความเร็ว” หากเราใช้อินเทอร์เน็ตแพ็กเกจ 10 Mbps การเปลี่ยนไปใช้แพ็กเกจ 20 Mbps หรือสูงกว่าก็เปรียบได้กับการพ่วงท้ายรถบรรทุก เราจะรับส่งปริมาณข้อมูลได้มากขึ้น แต่จริงๆ แล้วความเร็วที่ข้อมูลเดินทางจากอุปกรณ์ของเราไปยังเซิร์ฟเวอร์และวิ่งกลับมาก็ยังคงเท่าเดิม (ในกรณีที่ไม่ได้เปลี่ยนตัวนำสัญญาณ) จะเห็นผลชัดในการทำงานของการรับ-ส่งไฟล์ขนาดใหญ่ เช่นการสตรีมมิงวิดีโอ หรือดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆ
ค่า Ping เป็นค่าที่ใช้วัดความเร็วในการรับส่งข้อมูล จากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไปยัง Server และเวลาที่ตอบกลับมา ค่า Ping นี้ถ้าตัวเลขที่วัดได้มีตัวเลขยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า Server ส่งข้อมูลกลับมาหาคุณได้เร็วแค่ไหน ยิ่งใช้เวลาน้อยก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของคุณมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น เหมือนการตีลูก Ping pong ที่เด้งกระดอนไปมา เท่ากับว่ายิ่งใช้เวลาน้อยยิ่งดี ค่า Ping นี้สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนในการเล่นเกมออนไลน์ ถ้าค่า Ping เยอะเกมก็จะเกิดการกระตุกเยอะมาก โดยมีหน่วยเป็น ms หรือ milli-second เป็นการทดสอบส่งข้อมูลเพื่อส่งไปยัง Host หรือ Server ณ ปลายทาง แล้วตีกลับมาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์นั่นเอง
“หากคุณซื้อแพ็กเกจเน็ตราคาสูงมาใช้งานแล้ว อย่าลืมเช็กว่าอุปกรณ์รับสัญญาณของคุณมีประสิทธิภาพพอที่จะทำให้สามารถใช้เน็ตได้อย่างคุ้มค่ามากพอด้วย”
Speed test เป็นการวัดค่าความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณ ซึ่งจะมีการวัดออกมาเป็นค่าความเร็วจากการ ดาวน์โหลด, อัปโหลด รวมทั้งค่า Ping ซึ่งดูจากหลักการของความเร็วในการรับ – ส่งไฟล์เป็นหลัก และวิธีการอ่านค่าผลของการทำ Speed Test ทำได้ ดังนี้
ค่าดาวน์โหลด , อัปโหลด เป็นค่าที่แสดงความเร็วในการรับ – ส่งไฟล์ ใช้หน่วยเป็น Mbps หรือ Mega bit per sec ค่าตัวนี้มียิ่งมากยิ่งดี เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่าใน 1 วินาที อินเทอร์เน็ตของคุณสามารถรับ – ส่งไฟล์ที่มีขนาดมากได้อย่างสบายๆนั่นเอง
Download คือ ความเร็วในการรับข้อมูล ถ้าค่า Download มีมาก แปลว่าสามารถรับข้อมูลได้ครั้งละมากๆ ถ้ามีค่ามากก็ยิ่งโหลดได้เร็ว
Upload คือ ความเร็วในการส่งข้อมูล ยิ่งค่าตัวเลขมีค่ามากเท่าไหร่ แปลว่าในแต่ละวินาที คุณสามารถส่งข้อมูลได้มาก ยิ่งค่ามากยิ่งส่งเร็วนั่นเอง
เมื่อเราพูดถึงความเร็วของอินเทอร์เน็ต เรามักจะนึกถึง Bandwidth เพียงอย่างเดียวและมองข้ามเรื่องความเร็วในการรับส่งข้อมูล หรือค่า ping การจะดูว่าอินเทอร์เน็ตของเราเร็วจริงหรือไม่จึงต้องพิจารณาควบคู่กันไป
แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้านในท้องตลาดปัจจุบันมีหลากหลายข้อเสนอให้เลือกซื้อ อีกทั้งยังมีบริษัทผู้ให้บริการมากมายที่แข่งขันกันเพื่อจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูกค้า เมื่อมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น ในฐานะผู้ใช้บริการจึงต้องหาวิธีเพื่อเลือกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
ทางที่ง่ายที่สุดคือการเปรียบเทียบแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต โดยเปรียบเทียบทั้งความเร็วของอินเทอร์เน็ต รูปแบบการปล่อยสัญญาณ ราคา และโปรโมชันพิเศษที่จะได้รับ คุณสามารถเปรียบเทียบแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตบ้านได้ง่าย ๆ สะดวก และประหยัดเวลาผ่านทาง Tadoo เราได้รวบรวมข้อมูลที่คุณต้องการมาไว้ที่นี่แล้ว
หลายคนทราบดีการเลือกอินเทอร์เน็ตบ้านนั้นควรพิจารณาความเร็วของสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นสำคัญ เนื่องจากความเร็วอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ผู้ใช้บริการคาดหวังและต้องการมากที่สุดนั่นเอง การเลือกความเร็วได้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นจะทำให้การทำงานต่าง ๆ ไม่ติดขัด และยังสะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย สำหรับคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตน้อย เน้นเล่นโซเชียล ก็สามารถให้แพ็กเกจความเร็วพื้นฐาน 100/100 Mbps ได้ แต่หากเป็นคนที่ต้องทำงานหรือเรียนออนไลน์ เล่นเกม รวมถึงดูหนัง ก็ควรใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วประมาณ 200-300 Mbps ส่วนการใช้งานในครอบครัวมากกว่า 4 คนขึ้นไป และการใช้อินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย ควรเลือกแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็ว 300 Mbps ขึ้นไป จึงจะรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ