อุบัติเหตุรถยนต์แต่ละครั้งนำมาซึ่งความสูญเสีย รถยนต์เสียหาย เสียค่าซ่อมรถ สำคัญกว่านั้นคือความเสียหายด้านชีวิต บาดเจ็บเข้ารักษาตัวโรงพยาบาล บางรายรุนแรงถึงสูญเสียอวัยวะ เสียชีวิต การมีประกันรถยนต์ จะช่วยคุณแบ่งเบาค่าใช้จ่ายส่วนนี้ คุ้มครองชีวิตแบบสองชั้น ด้วย ประกันรถยนต์ภาคบังคับ และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ
ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ.รถยนต์ กฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องมี เพื่อรองรับความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ขับขี่ พ.ร.บ.รถยนต์ให้ความคุ้มครองค่าเสียหายเบื้องต้นตามจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคนสำหรับค่ารักษาพยาบาล หากเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวร จ่ายสูงสุด 35,000 บาทต่อคน ศีรษะบาดเจ็บต้องทำกะโหลมเทียม พ.ร.บ.จ่ายให้ 35,000 บาท
หากพิสูจน์ได้ว่าคุณเป็นฝ่ายถูก วงเงินค่าชดเชยก็จะเพิ่มขึ้น ได้แก่
– ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 80,000 บาทต่อคน (จ่ายตามจริง)
– เสียชีวิตหรือพิการถาวร สูงสุด 500,000 บาทต่อคน
– ค่าปลงศพและจัดงานศพ สูงสุด 250,000 บาทต่อคน (ยกเว้นเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย 180 วันแรก)
– สูญเสียอวัยวะมากกว่า 1 ข้าง สูงสุด 200,000 บาทต่อคน
– สูญเสียอวัยวะมากกว่า 2 ข้าง สูงสุด 500,000 บาทต่อคน
– นอนโรงพยาบาล พ.ร.บ.จ่ายให้ 200 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 20 วัน”
กรณีที่อาการบาดเจ็บรุนแรงมาก ค่ารักษาพยาบาลเกินวงเงิน พ.ร.บ.รถยนต์ ความคุ้มครองชั้นที่ 2 ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ จะเข้ามารับช่วงต่อ โดยจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับการรักษา ภายใน 1 ปี นับแต่เกิดอุบัติเหตุ และหากเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ มือ เท้า ตาบอด ทุพพลภาพถาวรหรือชั่วคราว ประกันก็จ่ายสินไหมทดแทนชดเชยให้*
ที่สำคัญ ไม่ว่าประกันชั้นไหนก็คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้เอาประกัน
ข้อดีอีกอย่างของการทำประกันรถยนต์ นอกจากคุ้มครองเราแล้ว ยังคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ๆ ด้วย โดยคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร ทำงานไม่ได้
รู้ข้อดีเช่นนี้แล้ว อย่าลังเล ให้ประกันรถยนต์คุ้มครองชีวิตของคุณ
*วงเงินคุ้มครองแตกต่างตามแต่กรมธรรม์ที่เลือกซื้อ
ประกันรถยนต์ไม่ว่าชั้นไหนก็มีส่วนความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นกับผู้เอาประกันอยู่ แต่ Tadoo ขอแนะนำประกันรถยนต์ที่มีแผนคุ้มครองที่น่าสนใจที่สุด
คุ้มครองค่าซ่อมรถไม่ว่ามีหรือไม่มีคู่กรณี คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแค่ผู้เอาประกันตั้งแต่รักษาพยาบาล เรื่อยไปจนถึงพิการ ทุพพลภาพตามเงื่อนไข ก็มีค่าสินไหมดทดแทนให้
อัปเกรดความคุ้มครองจากประกันชั้น 2 ปกติในราคาที่ยังน่ารักกับแผนความคุ้มครองที่คุ้มสุด ๆ เพราะแทบจะเทียบเท่าประกันชั้น 1 ในเรื่องการดูแลรถ ส่วนการดูแลคนก็ยังครอบคลุมเต็มที่เหมือนเดิม
แน่นอนว่าประกันรถไม่ได้ช่วยให้ไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ประกันรถยนต์ช่วยซัพพอร์ตเราได้มาก ในกรณีที่บาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล การบาดเจ็บนั้นมีความซับซ้อน ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงขึ้น หรือเคสเลวร้ายที่เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ความเสียหายทางการเงินจะเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ ปัญหาทางการเงินจะผ่อนเบาลงได้เยอะทีเดียว ถ้าคุณมีประกันรถยนต์ติดรถไว้
ยิ่งปัจจุบันนี้ ประกันรถยนต์มีแผนหลากหลาย สามารถเลือกได้ตามความต้องการ ให้ความคุ้มครองในราคาที่คุณพอใจ ลองเช็คประกันออนไลน์ง่ายนิดเดียว
หลายคนอาจเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ในเมื่อ พ.ร.บ.รถยนต์ก็สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลได้ แล้วเราจะซื้อประกันรถยนต์ให้ซ้ำซ้อนทำไม บอกตรงนี้เลยว่าไม่ซ้ำซ้อนแน่นอน และประกันรถยนต์ที่ซื้อไม่มีทางเสียเปล่า
ข้อแตกต่างใหญ่ระหว่างประกันสองชนิดนี้คือ พ.ร.บ.รถยนต์จะคุ้มครองแค่ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทางร่างกายอย่างเดียว ขณะที่ประกันรถยนต์คุ้มครองทั้งคนทั้งรถด้วย ดังนั้นถ้าเรามีแต่ พ.ร.บ.จะเคลมได้แค่ค่ารักษาพยาบาล แต่เคลมค่าซ่อมรถไม่ได้ นอกจากนี้ ถ้าเราไม่มีประกัน ค่ารักษาทางการแพทย์ที่เกินวงเงินของพ.ร.บ. เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง แต่ถ้าซื้อประกันรถยนต์ไว้ ค่าส่วนเกินนี้ประกันรถยนต์จะรับผิดชอบแทน
รู้เช่นนี้แล้ว ยังจะไม่ซื้อประกันรถยนต์ได้ลงอีกเหรอ
จุดเด่นของประกันทั้ง 2 ชนิด
-คุ้มครองความบาดเจ็บของร่างกาย ไม่คุ้มครองทรัพย์สิน
-เบี้ยประกันราคาคงที่ ทุนประกันคงที่
-เป็นกรมธรรม์แรกในการเคลมค่ารักษาพยาบาล
-คุ้มครองความเสียหายทั้งทางร่างกายและทรัพย์สิน เช่น ค่าซ่อมรถ
-เบี้ยประกัน ชั้นประกัน สามารถเลือกได้ตามความต้องการ
-จ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินจาก พ.ร.บ.
5,572 reviews
ในการเกิดอุบัติเหตุจนผู้ซื้อประกันได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวโรงพยาบาล แม้ว่าจะอุ่นใจได้บ้างในส่วนของค่ารักษาพยาบาลที่สามารถเคลมได้ทั้ง พ.ร.บ.รถยนต์ และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ แต่ผลของการบาดเจ็บนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้ขาดรายได้อีกด้วย
บางคนทำอาชีพพนักงานออฟฟิศ สามารถใช้วันลาได้ แต่บางคนทำธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย หรือทำงานที่ได้รับรายได้เป็นรายวัน จะทำอย่างไรหากต้องรักษาตัวแล้วไปทำงานไม่ได้ โชคร้ายคือประกันรถยนต์แผนหลักไม่มีความคุ้มครองชดเชยรายได้ให้ ส่วนข่าวดีคือ บางบริษัทประกันมีประกันแผนเสริมที่คุ้มครองชดเชยรายได้รายวันให้ด้วย เรียกว่า ชดเชยรายได้รายวันจากอุบัติเหตุ
ประกันชดเชยรายได้รายวันจากอุบัติเหตุ จะชดเชยรายได้รายวันให้ เมื่อผู้เอาประกันประสบอุบัติเหตุรถชน บาดเจ็บ เข้ารักษาตัวโรงพยาบาล ไม่สามารถทำงานได้ โดยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 6 ชั่วโมงเป็นต้นไป