จากแนวโน้มของอุบัติเหตุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น การทำประกันไว้ไม่ว่าจะประกันรถยนต์ หรือประกันรถจักรยานยนต์ ย่อมดีกว่าแน่นอน เพราะช่วยคุ้มครองความเสียหายทั้งตัวรถ ตัวบุคคล และตัวเงิน ทั้งค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล บางเคสร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียรายได้เพราะทุพพลภาพ สูญเสียชีวิต ดีกว่าไหม ถ้าให้ประกันรถที่คุณทำไว้ดูแลรับผิดชอบแทนคุณ
* ความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ท่านเลือกซื้อ
เปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์ และประกันรถจักรยานยนต์ออนไลน์ 5 ขั้นตอนง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว
เลือกยี่ห้อรถยนต์ และรุ่นของรถ ปีที่จดทะเบียน
กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้ขับขี่ วันเดือนปีเกิด
ข้อมูลเพื่อใช้เป็นส่วนลดเบี้ยประกัน เช่น ติดกล้องหน้ารถ ระบุชื่อผู้ขับขี่ ระบุค่าเสียหายส่วนแรก
ความคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น รถหาย ประกันเสริมรถยนต์
เลือกประกันรถที่เหมาะกับรถคุณ
31,600 รีวิว
รถพังเสียหายเกิดได้จากหลายสาเหตุ ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถที่ประกันคุ้มครองขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดกับตัวรถและกรมธรรม์ของคุณด้วย ซึ่งสาเหตุของรถพังเสียหายที่พบบ่อย ๆ มีดังนี้
การดูแลคุ้มครองรถในสาเหตุนี้ จะเป็นประกันที่ซื้อเสริมเพิ่มเติม หรือ ในบางบริษัทที่มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินเมื่อรถพังเสียหาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะประสานงานรถลากให้ หรือส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล เช่น
ได้แก่ ตัวรถเสียหายในสภาพบุบ ปรากฏรอยขีดข่วน มักเกิดจากการขับรถชนสิ่งกีดขวาง เช่น ฟุตบาท รั้ว เกาะกลางถนน รอยพวกนี้ ผู้ซื้อประกันมักจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ก่อน ค่าเสียหายเกินจากนั้นเคลมประกันได้ การคุ้มครองนี้ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี
ในสาเหตุนี้จะมีความเสียหายเกิดขึ้น 2 แบบ คือเสียหายบางส่วน และรถเสียหายโดยสิ้นเชิง สำหรับ รถที่เสียหายโดยสิ้นเชิง คือ รถได้รับความเสียหายอย่างมากจากอุบัติเหตุจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ ค่าซ่อมแซมรถมีค่า 70% ของมูลค่าตลาดปัจจุบันของรถ กรณีนี้มีการหักหรือโค้งงอของโครงรถในหลายจุด ชิ้นส่วนของรถกระเด็นกระจัดกระจายจนซ่อมไม่ได้ และหน้าต่างเกือบทุกบานแตกหมด กรณีนี้บริษัทประกันจะชดเชยให้เป็นตัวเงิน แล้วเจ้าของรถต้องโอนกรรมสิทธิ์ของรถที่พังให้เป็นของบริษัทประกัน
ซื้อประกันก่อนเกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดคิด รถพังเสียหาย ประกันยังช่วยได้
Top tip: เงื่อนไขความคุ้มครอง ทุนประกัน โปรดอ่านรายละเอียดจากแผนกรมธรรม์ที่คุณเลือกซื้อ
หากเกิดความเสียหายขึ้นกับตัวรถ บริษัทประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย ดังนี้
1. รถพังเสียหายสิ้นเชิง บริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน แลกกับการที่ผู้เอาประกันต้องโอนกรรมสิทธิ์รถให้แก่บริษัท และถือว่าการคุ้มครองรถนั้นเป็นอันสิ้นสุด
2. ในกรณีรถได้รับความเสียหาย แต่ไม่ถึงกับเสียหายสิ้นเชิง บริษัทและผู้เอาประกันภัยอาจตกลงกันให้มีการซ่อม หรือเปลี่ยนรถซึ่งมีสภาพเดียวกันแทนได้ ทั้งนี้รวมทั้งอุปกรณ์ หรือจะชดใช้เงินเพื่อแทนความเสียหายนั้น
3. การดูแลขนย้าย บริษัทประกันจะจ่ายค่าดูแลรักษารถ และค่าขนย้ายรถทั้งหมด นับตั้งแต่วันเกิดเหตุจนกว่าการซ่อมแซม หรือการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจะเสร็จสิ้นตามจำนวนที่จ่ายไปจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 20 ของค่าซ่อมแซม
ทำไมต้องไปเสียเวลาหาความคุ้มครองเพิ่มเติมให้ปวดหัว เพียงซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับเรา ครบในที่เดียว
อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไร ทางที่ดีที่สุดหลังเกิดอุบัติเหตุ คือ ควรตั้งสติ และควรปฏิบัติตามนี้
สำรวจตัวเองว่าได้รับบาดเจ็บส่วนไหนหรือไม่ สำรวจผู้โดยสารที่นั่งมาด้วย รวมไปถึงสำรวจคู่กรณี(ถ้ามี)ว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน จากนั้นโทรเรียกรถพยาบาล
ติดต่อบริษัทประกันภัยที่เราทำไว้ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
รวบรวมหลักฐานข้างต้น เช่น วิดีโอขณะเกิดเหตุ พยานที่เห็นเหตุการณ์ ชื่อ-นามสกุล เบอร์ตอกต่อคู่กรณี(ถ้ามี)
คุยรายละเอียดของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือตัวแทนประกันของเราก่อน อย่าเพิ่งเคลียร์กับคู่กรณีเอง
นอกจากความคุ้มครองหลักในกรมธรรม์แล้ว จัดเต็มความคุ้มครองเพิ่มเติมเสริมพ่วงไปกับประกันที่คุณซื้อตอบโจทย์ความคุ้มครองแบบเต็มพิกัด มีดังนี้
ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคลที่อยู่ภายในรถกรณีถูกโจรกรรม ลักขโมย เหมาะสำหรับคนที่เก็บของส่วนตัว ของมีค่าไว้ในรถอย่างยิ่ง
จ่ายชดเชยค่าเดินทางระหว่างรถส่งซ่อมไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นคุณเป็นฝ่ายถูกหรือผิด มั่นใจไม่เสียเงินเพิ่มจากการเดินทาง
การเสียขวัญ หรือตกใจจากอุบัติเหตุรถชนแบบมีคู่กรณี และคุณเป็นฝ่ายถูก บริษัทประกันช่วยจ่ายค่าปลอบขวัญให้ผู้เอาประกัน
อุบัติเหตุรถชน ทำให้ยางรถยนต์ฉีกขาด ระเบิด ส่งผลกระทบเสียหายต่อเครื่องยนต์ หรือน้ำมันเครื่อง น้ำมันหล่อลื่นรั่วไหล ความคุ้มครองเสริมพิเศษจะตอบโจทย์ในส่วนนี้
เมื่อเกิดรถชน รถยนต์ย่อมเสียหายสึกหรอ ความคุ้มครองเสริมจะช่วยจ่ายค่าซ่อมรถให้
รถชนบาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้ขาดรายได้ ความคุ้มครองเสริมนี้จะชดเชยรายได้รายวันให้
หากคุณเป็นเจ้าของบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ มีการขับรถเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน ทำประกันกลุ่มเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานถือเป็นช่องทางที่สะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาและความยุ่งยากแทนการทำประกันเดี่ยวรายบุคคล
พาร์ทเนอร์ของ Tadoo มีประกันกลุ่มรถยนต์นำเสนอสำหรับ 10 ท่านขึ้นไป เพียงกรอกข้อมูล เบื้องต้น ชื่อนามสกุล ช่องทางติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล ชื่อบริษัทของคุณเพื่อขอใบเสนอราคา ไม่เกิน 10 วันเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
*ใบเสนอราคามีอายุ 30 วัน ตั้งแต่วันที่บริษัทประกันออกเอกสารให้*
กรณีรถเสียหายต้องจ่ายค่าซ่อมมากกว่า 70% ของมูลค่ารถในขณะเกิดความเสียหาย ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกที่จะเก็บซากรถไว้ได้เช่นกัน แต่ทางบริษัทประกันจะประเมินจ่ายค่าสินไหมทดแทนระหว่าง 65 – 70% ของทุนประกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ประกันภัยแต่ละบริษัท หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับคุณว่าจะนำซากรถไปไว้ที่ไหน
ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ คือ คือค่าสินไหมที่ฝ่ายถูกจะได้รับจากฝ่ายผิดระหว่างรอซ่อมรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน เป็นอันให้รถพังเสียหาย โดยฝ่ายถูกสามารถยื่นเรื่องเรียกได้กับบริษัทประกันของฝ่ายผิดโดยมีขั้นตอนและเอกสารดังนี้
ขั้นตอนการเรียกค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ: แจ้งบริษัทประกันของคู่กรณี เพื่อยื่นเรื่องค่าขาดประโยชน์จากการไม่มีรถใช้ระหว่างซ่อม, ส่งเอกสารให้บริษัทประกันของคู่กรณี, รอเจ้าหน้าที่ประกันของบริษัทคู่กรณีติดต่อกลับเพื่อต่อรองค่าขาดประโยชน์, เมื่อตกลงค่าเสียหายได้แล้ว รอประมาณ 7 วันก็จะได้รับค่าขาดประโยชน์ตามที่ได้ตกลงไว้เอกสารในการเรียกค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ, ใบเสนอรายการความเสียหายของรถ, ใบเคลม, สำเนาตารางกรมธรรม์, สำเนาทะเบียนรถ, สำเนาใบขับขี่, ใบรับรถ, รูปถ่ายตอนซ่อมรถ, หนังสือเรียกร้องสินไหมค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ และสำเนาหน้าบัญชีสมุดธนาคาร
สาเหตุของรถพังเสียหายที่ประกันไม่คุ้มครอง มีมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้
1. อุบัติเหตุรถชนของผู้ขับขี่เมาแล้วขับ คือ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม
2. อุบัติเหตุรถพังเสียหายจากการนำรถไปใช้ผิดประเภท เช่น ขับขี่รถซิ่ง แข่งขันตามท้องถนน หรือแม้แต่ในสนามแข่ง ถือเป็นการขับขี่รถเร็วเกินกฎหมายกำหนด
3. ขับรถแบกน้ำหนัก เช่น การนำรถส่วนบุคคลไปใช้บรรทุกขนส่งเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้รถพังเสียหาย
4. การนำรถไปใช้ลากจูงรถคันอื่น จนเครื่องยนต์เกิดความเสียหายโดยไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ