ประกันรถยนต์การขับรถคันอื่น
ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องไปขับรถยนต์คันอื่น คุณจะต้องตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขของการประกันภัยรถยนต์นั้นๆ ว่าครอบคลุมหรือไม่
ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องไปขับรถยนต์คันอื่น คุณจะต้องตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขของการประกันภัยรถยนต์นั้นๆ ว่าครอบคลุมหรือไม่
บริษัทประกันจะมองว่ารถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีรายละเอียดการใช้งานที่แตกต่างกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลค่อนข้างมาก เพราะประโยชน์การใช้งานรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการคือเรื่องของการขนส่งสินค้า หรือปัจจัยการผลิตจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งเรื่องนี้ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับเรื่องของเบี้ยประกันและเงื่อนไขการประกัน เนื่องจากบริษัทประกันรถยนต์จะคำนวณว่าการใช้งานของเจ้าของรถแบบนี้จะทำงานที่เสี่ยงกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพราะเน้นประโยชน์เรื่องการทำเวลาเพื่อการขนส่งทำให้ต้องขับรถเร็ว และเนื่องจากมักใช้ขับโดยพนักงานขับรถทำให้มักขับขี่โดยประมาทมากกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล เบี้ยประกันของรถยนต์พาณิชย์จึงสูงกว่าประกันรถยนต์ส่วนบุคคลตั้งแต่ร้อยละ 10 ถึง ร้อยละ 50
คือสิ่งที่บริษัทประกันใช้ระบุความคุ้มครองของประกันรถยนต์ รหัสรถยนต์จะถูกระบุไว้ในข้อตกลงของกรมธรรม์ว่าประกันรถยนต์ชนิดนั้นสามารถใช้ได้กับรถประเภทใดบ้าง อาทิเช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ระบุไว้ว่า รถยนต์ที่สามารถใช้บริการประกันภัยนี้ได้ต้องเป็นรถยนต์ที่มี รหัส 110 หรือรถยนต์ที่มี รหัส 120 เท่านั้น เป็นต้น รหัสรถยนต์ถูกระบุขึ้นตาม “พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้บริษัทประกันภัย รับประกันภัยรถยนต์ตามประเภทรถยนต์ รหัสรถยนต์ ลักษณะการใช้รถยนต์ และขนาดรถยนต์” ทั้งนี้ก็เพื่อให้การซื้อประกันภัยรถยนต์เป็นไปอย่างถูกต้องตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อประกันภัยรถยนต์ผิดประเภทไปจากการใช้งานจริง
ถ้าคุณสงสัยว่าคุณจะสามารถขับรถยนต์คันอื่นแล้วประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่ ลองตรวจสอบจากรหัสรถยนต์เหล่านี้ ว่าคุณใช้งานรถยนต์ถูกประเภทไหม ซึ่งรหัสรถยนต์มีดังนี้
รถเก๋ง / รถกระบะ 4 ประตู (รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 ที่นั่ง)
110 คือ รถยนต์ใช้ส่วนบุคคลไม่ใช้รับจ้างหรือให้เช่า
120 คือ รถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์ หรือ จดทะเบียนบุคคลเพื่อการใช้งานรับจ้าง หรือให้เช่า
รถกระบะบรรทุก (รถยนต์บรรทุกไม่เกิน 3 ตัน) ป้ายสีขาวตัวอักษรสีเขียว
210 คือ รถยนต์ใช้ส่วนบุคคล ไม่มีโครงเหล็ก หรือ โครงหลังคา
320 คือ รถยนต์บรรทุกใช้เพื่อการพาณิชย์ รับจ้างหรือให้เช่า (ใช้งานบรรทุก/ใช้โดยสาร)
340 คือ รถยนต์บรรทุกใช้เพื่อการพาณิชย์ ใช้บรรทุกวัตถุอันตราย
“ไม่อยากโดนประกันรถยนต์ลอยแพ อย่าใช้งานรถผิดประเภท”
รถตู้โดยสาร (รถยนต์โดยสารส่วนบุคคล)
210 คือรถยนต์โดยสารใช้ส่วนบุคคล ไม่สามารถนำมาใช้รับจ้างหรือให้เช่าหรือใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง
220 คือรถยนต์โดยสารเชิงพาณิชย์ ใช้เพื่อรับจ้างรับส่งคน เช่น พนักงาน นักเรียน
ขับรถคันอื่นได้ แต่ควรคำนึงถึงเรื่องใบขับขี่และการใช้งานรถที่รองรับรถประเภทนั้นๆ
รถตู้โดยสาร (รถยนต์โดยสารรับจ้าง)
220 คือรถยนต์โดยสารใช้รับจ้างรับส่งคน เช่น พนักงานบริษัท นักเรียน
230 คือรถยนต์โดยสาร ใช้รับจ้างประจำทางและรับจ้างสาธารณะ
คุณสามารถตรวจสอบรหัสรถยนต์ได้จากการนำทะเบียนรถยนต์ของคุณ มาเทียบกับกรมธรรม์ที่ทางบริษัทรับประกันภัยรถยนต์ออกให้ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลการใช้รถและเอกสารจากทางบริษัทประกันภัยรถยนต์ให้มาไม่ตรงกัน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันให้ทราบทันที เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
ซึ่งบริษัทประกันรถยนต์จะมีแพ็กเกจประกันรถยนต์ไว้ให้บริการที่แตกต่างกันตามประเภทของรถยนต์ และการใช้งานจริง โดยไม่ได้อิงจากทะเบียนรถแต่เพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น การที่คุณไปขับรถคันอื่นเพื่อไปรับส่งผู้โดยสารยังสนามบิน ซึ่งรถที่คุณขับเป็นรถคันที่เอาประกันมีการจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ถูกนำไปใช้วิ่งแท็กซี่ หรือที่เรียกว่าแท็กซี่ป้ายดำ ถือเป็นการใช้งานผิดประเภท หากเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายขึ้น บริษัทประกันสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และความเสียหายก็จะมาตกอยู่ที่คุณทั้งหมด
ดังนั้น ในการทำประกันรถยนต์แต่ละครั้ง เราต้องดูรหัสรถยนต์ให้ตรงกับการใช้งานจริง รวมถึงเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ อีกทั้งความคุ้มครองที่จะได้รับ เพื่อประโยชน์สูงสุดและเพื่อป้องกันความเสียหายจากการใช้รถผิดประเภทแล้วประกันไม่คุ้มครองเกิดขึ้น เลือกประกันรถยนต์ เลือกผ่าน tadoo.co