Connect with us

รับมืออย่างไรหลังเกิดอุบัติเหตุ

เลี่ยงเกิดอุบัติเหตุไม่ได้ แต่รับมือกับอุบัติเหตุที่เกิดได้ แค่มีประกันรถยนต์

การเกิดอุบัติเหตุรถยนต์

การเกิดอุบัติเหตุรถยนต์มีได้มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายไม่พร้อมในขณะขับรถ สภาพรถไม่พร้อมใช้งาน ขับรถเร็วและไม่เคารพกฎหมาย และความประมาทเลินเล่อ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแล้วย่อมส่งผลความเสียหายตามมา คนก็เจ็บ รถก็พัง บางสถานการณ์ร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต หากไม่อยากให้ความสูญเสียเหล่านี้เกิดขึ้น มาดูสาเหตุของการเกิดอุบัติ เมื่อรู้สาเหตุแล้วจะได้จัดการควบคุม หรือระมัดระวังให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุดได้

จุดเด่น

  • มีประกันรถยนต์ช่วยดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้
  • เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตั้งสติ แล้วโทรหาบริษัทประกัน
  • เมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุดเพื่อการเคลมประกัน

สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอุบัติเหตุรถชน ซึ่งมีสาเหตุให้เห็นได้บ่อยๆ ดังนี้

1. สาเหตุจากบุคคล แบ่งได้จาก จากคนขับรถ และคนเดินถนน ข้ามถนน ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร – สาเหตุจากคนขับรถ เช่น ขับโดยประมาท ขับรถเร็ว ขับรถขณะมึนเมา ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ คนขับพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้เกิดอาการหลับใน สาเหตุจากคนเดินถนนข้ามถนน เช่น ไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลายหรือสะพานลอย ข้ามหรือตัดหน้ารถอย่ากระชั้นชิด

2. สาเหตุจากรถ การนำรถที่อุปกรณ์บกพร่องมาใช้ในทาง เช่น เบรก ไฟสัญญาณ กระจกส่องหลัง ที่ปัดน้ำฝน ที่อาจจะเสื่อมสภาพ ชำรุด ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่

3. สาเหตุจากทางและเครื่องหมายสัญญาณ เช่น ทางชำรุด ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ปัญหาถนนบริเวณทางแยก ทางโค้ง เครื่องหมายสัญญาณชำรุดทำให้ไม่มีเพื่อช่วยในการขับขี่

4. สาเหตุจากธรรมชาติ เช่น ฝนตกหนัก หมอกลงจัด เป็นต้น

ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

จริงอยู่ว่าไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่การรู้ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะเป็นการดีกว่า ศึกษาไว้เผื่อได้ใช้งานจริง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับเราจะได้ไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์ตกใจจนเกินเหตุหรือทำตัวไม่ถูก สำหรับข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ มีดังนี้

1. ตั้งสติ และหยุดรถทันที อย่าฝืนขับรถต่อ การหยุดรถก็เพื่อช่วยรักษารูปคดี เพื่อเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจะได้หาคนผิดคนถูกต่อไป และนอกจากนั้นยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น บางทีเราคิดว่าอุบัติเหตุเล็กน้อย ก็ใช้รถต่อไปดีกว่า ซึ่งเราไม่รู้เลยว่ารถเสียหายไปแค่ไหน หากคุณฝืนขับรถ อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของคุณเองได้

2. โทรแจ้งบริษัทประกัน นี่แหละคือข้อดีของการมีประกันรถยนต์ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะได้ช่วยดูแลเราได้ ควรแจ้งพิกัดการเกิดอุบัติเหตุให้ชัดเจนเพื่อที่เจ้าหน้าที่ประกันจะได้มาหาถูก และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับเจ้าหน้าที่ฟังอย่างละเอียด

3. ถ่ายภาพที่เกิดเหตุ ในระหว่างรอเจ้าหน้าที่ประกันให้มาถึง ช่วงเวลาระหว่างนั้นเราควรจะบันทึกภาพที่เกิดเหตุโดยรอบ เพื่อจะนำภาพถ่ายนั้นมาใช้เป็นหลักฐาน หรือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีได้ เพราะเมื่อถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อย หากอุบัติเหตุนั้นขวางทางจราจรอยู่จะได้เคลื่อนรถมาไว้ข้างทางได้

4. ประสานงานช่วยเหลือหากมีคนเจ็บ ในส่วนนี้เมื่อเราตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วมีคนเจ็บ ไม่ว่าจะบาดเจ็บเล็กน้อยสามารถเคลื่อนย้ายคนเจ็บได้ หรือเจ็บหนักไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ให้โทรประสานงานขอรถฉุกเฉินเพื่อนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ไม่ว่าจะโทร 1669 หรือโทรแจ้งตำรวจ 191

5. อย่าตกลงอะไรกับคู่กรณีเด็ดขาด ในส่วนของการเจรจาในเรื่องของอุบัติเหตุนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประกัน หรือตำรวจดีที่สุด เราไม่ต้องไปตกลงอะไรกับคู่กรณีเอง เพราะในบางครั้งอุบัติเหตุที่เกิดเราไม่ใช่ฝ่ายผิดเสมอไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบได้

6. เตรียมหลักฐานจากกล้องติดรถยนต์ นี่แหละคือความสำคัญของกล้องติดรถยนต์ แม้ในตอนทำประกันหากเราติดกล้องติดรถยนต์ ยังมีส่วนลดเบี้ยประกันให้ 5% เพราะกล้องติดรถยนต์จะช่วยบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เห็นหลักฐานได้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นฝ่ายถูก ฝ่ายผิด

“อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ประกันรถยนต์คุ้มครองอุบัติเหตุได้”

ข้อมูลที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ต่อให้คุณจะยุ่งวุ่นวายแค่ไหนเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ละเลยไม่ได้ คือ การเก็บข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ทั้งของตัวคุณเอง ของคู่กรณี รวมถึงขอชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของพยานที่เกี่ยวข้องและตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เพื่อที่ข้อมูลเหล่านี้จะสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ ได้แก่

– ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของคุณ
– ที่อยู่ของเจ้าของรถ ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ
– ชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทประกันภัยรถยนต์ของคุณ
– หมายเลขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของคุณ
– เลขที่ใบอนุญาตขับขี่ของคุณ
– หมายเลขจดทะเบียนรถของคุณ
– ปีที่ผลิต ยี่ห้อรถ รุ่นรถ และสีรถของคุณ

อยากได้ความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ควรเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1

ประกันรถยนต์คุ้มครองอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี

เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น หน้าที่ของประกันรถยนต์ คือ ช่วยคุ้มครองดูแลเยียวยาคุณและรถของคุณ โดยคุณจะต้องโทรแจ้งบริษัทประกันเพื่อทำการเคลมอุบัติเหตุ

การเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี ในข้อนี้ไม่ว่าจะประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น2/2+, และ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ก็จะให้ความคุ้มครองตามแผนกรมธรรม์ที่คุณได้ทำไว้
– การซ่อมทั้งรถคุณ และรถคู่กรณี ยกเว้นประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ซ่อมรถให้แต่รถคู่กรณีเท่านั้น
– การดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งคนขับและผู้โดยสาร
– ดูแลค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนส่วนเกินจาก พ.ร.บ.

ประกันรถยนต์คุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี

การเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หรือโดนชนแล้วหนี

สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเบิกเคลมได้ในกรณีนี้อยู่แล้ว เพราะอยู่ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ คือคุ้มครองไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม
สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2/2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ คุณจะต้องหาหลักฐานคู่กรณีให้ได้ก่อน โดยจะต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้และทำเรื่องขอดูกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบเพื่อตามหาผู้ก่อเหตุ หรือถ้ากล้องรถของคุณบันทึกภาพไว้ก็นำมาใช้เป็นหลักฐาน ถึงจะสามารถดำเนินการเคลมประกันได้ เพราะถ้าคุณไม่รู้กรณี หรือตามหาคู่กรณีไม่เจอ ก็จะไม่เข้าเงื่อนไขของประกันรถยนต์ชั้น 2/2+ และประกันรถยนต์ชั้น3+ ที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุรถชนรถ หรือการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น

สรุป คือ อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด วิธีรับมือที่ดีที่สุด คือ การป้องกันล่วงหน้า โดยตัวคุณเองที่ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท รวมถึงทำประกันรถยนต์ไว้ เพื่อบรรเทาภาระความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น “ประกันรถยนต์มีไว้ไม่ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี” สนใจประกันรถยนต์ เลือกผ่าน tadoo.co

ผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์

ประเภทของประกันรถยนต์

คู่มือยอดนิยมสำหรับประกันรถยนต์