Connect with us

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่คุณต้องรู้

ก่อนจะขอสินเชื่อนั้น เราควรรู้รายละเอียดหรือข้อมูลเพื่อจะได้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจ ให้ Tadoo เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งเพื่อประกอบการตัดสินใจของคุณ

อัตราดอกเบี้ยคืออะไร

ก่อนที่จะขอสินเชื่อเราควรรู้ข้อมูลรายละเอียด ดอกเบี้ย แตกต่างกันอย่างไร เพื่อจะได้ศึกษาและตัดสินใจ อัตราดอกเบี้ยนั้น คือ อัตราคิดอยู่ที่ร้อยละ ต่อปี ต่อเดือน ต่อ วัน แล้วแต่ว่าเงื่อนไขข้อตกลงครั้งแรกระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เก็บการดอกเบี้ยนั้นเป็นจำนวนร้อยละต่อปีนั้นเป็นหลักการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของทางธนาคาร เพื่อเป็นผลตอบแทนจากการอนุมัติให้กู้ยืม

อัตราดอกเบี้ย มีหลายรูปแบบ หลายอัตรา โดยขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อนั้น ๆ เกณฑ์การคิดอัตราดอกเบี้ย ก็แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขข้อบังคับของสถาบันการเงินนั้น ๆ

จุดเด่น

  • ศึกษาเกี่ยวกับดอกเบี้ย เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ
  • แยกประเภทแต่ละประเภทของดอกเบี้ย

ประเภทของอัตราดอกเบี้ย

ประเภทของอัตราดอกเบี้ยนั้นหลักๆแบ่งเป็น 2 ประเภท นั้นก็คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว มีความแตกต่างดังต่อไปนี้
1.อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่
2.อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่

คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทางสถาบันทางการเงินได้กำหนดไว้ตายตัว ไม่สามารถปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นลงตามต้นทุนของทางธนาคาร มีความคงที่ตลอดการทำเงื่อนไขข้อตกลง หรือตามช่วงเวลาที่ทำสัญญากัน

“ตรวจสอบรายละเอียด ให้ชัดเจน เพื่อความถูกต้องให้กับตัวคุณเอง”

อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว

คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีความเปลี่ยนแปลง ปรับเปลี่ยนขึ้นลงไปตามต้นทุนและผลกำไรของสถาบันทางการเงิน ซึ่งทางสถาบันทางการเงินจะออกมาประกาศให้ทราบเป็นระยะ ๆ เช่นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงของธนาคารทั่วไป โดยใช้ตัวย่อภาษาอังกฤษเป็นสัญลักษณ์สากล เช่น MLR, MOR, MRR เป็นต้น

ก่อนที่จะทำสินเชื่อ ควรเช็คหรือคำนวณดอกเบี้ยดูก่อน เพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบกับทางธนาคาร

ความแตกต่างของ MLR, MOR และ MRR

MLR,MOR,MRR เป็นดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว มีความแตกต่างดังต่อไปนี้

-MLR หรือ Minimum Loan Rate หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่มีไว้ใช้กับลูกค้ารายใหญ่ ที่ถูกจัดไว้ในเกรดดี เช่น มีประวัติทางการเงินที่ดี ไม่เสี่ยงต่อการล้มละลาย มีหลักทรัพย์เพียงพอในการค้ำประกัน และมีความมั่นคงในอาชีพหรือธุรกิจที่ประกอบการอยู่ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้กับสินเชื่อที่มีระยะเวลาที่ยาวนาน

-MOR หรือ Minimum Overdraft Rate หมายถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีไว้ใช้กับลูกค้าชั้นดี ที่ขอกู้เกินวงเงิน ดอกเบี้ยประเภทนี้จะคิดให้ลูกค้าต่อเมื่อลูกค้าท่านนั้นมีประวัติการผ่อนชำระในรอบก่อน ๆอย่างสม่ำเสมอ และมีความมั่นคง อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินจะต้องพิจารณาในเรื่องความเสี่ยงในอนาคตเสมอ แม้ว่าจะเป็นลูกค้าชั้นดีก็ตาม

-MRR หรือ Minimum Retial Rate หมายถึงอัตราดอกเบี้ยที่ใช้กับลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเงินกู้ส่วนบุคคล เป็นต้น ในการตรวจสอบของทางสถาบันการเงินนั้นจะใช้เวลานาน ไม่ว่าจะเป็นประวัติในการชำระหนี้ หรือการใช้เครดิตต่าง ๆ ความมั่นคงทางอาชีพ หรือความมั่นคงทางการเงิน เป็นต้น เพื่อคาดเดาถึงการผ่อนชำระของลูกค้าในอนาคต

ตัวอย่างการคำนวณอัตราดอกเบี้ย

ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเลือกอิงไปที่ MRR ซึ่งธนาคารแห่งชาติกำหนดไว้ที่ 7% ในรายละเอียดของสินเชื่อระบุไว้ว่าผู้กู้จะต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราดังนี้: ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 5% ปีที่ 2 MRR-0.25% ปีที่ 3 MRR-0.25%
สมมติยอดเงินกู้ (principal) คือ 1 ล้านบาท จากอัตราดอกเบี้ยข้างต้น คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยในปีที่ 1 = 1,000,000 x 5% = 50,000 บาท, ปีที่ 2=1,000,000 x 6.75% (MRR ซึ่งถูกกำหนดไว้ที่ 7% ลบด้วย 0.25%)=65,000 บาท, ปีที่ 3=1,000,000 x 6.75% (MRR ซึ่งถูกกำหนดไว้ที่ 7% ลบด้วย 0.25%)=65,000 บาท ดังนั้นยอดรวมดอกเบี้ย 3 ปี ที่คุณจะต้องชำระคือ 180,000 บาท
*จำนวนดอกเบี้ยจะลดตามเงินต้นที่คุณนำไปโปะกับธนาคารผู้ให้สินเชื่อ ทั้งนี้ควรศึกษาดูสัญญาสินเชื่อให้ดีเพราะบางธนาคารจะมีค่าปรับหากคุณเลือกปิดเงินต้นก่อนระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด และอัตรา MRR, MLR สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ

ประเภทของสินเชื่อ

คู่มือยอดนิยมสำหรับสินเชื่อ