รถจักรยานยนต์ที่เราซื้อมาไม่ใช่ราคาถูกๆ ต้องทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรง เก็บเงินซื้อเป็นหลักหมื่น เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ออกมาแล้ว จะมีการรับประกันอย่างไรบ้าง
คือ การบริการหลังการขายรูปแบบหนึ่งเกี่ยวกับตัวสินค้า ซึ่งจะได้สิทธิ์รับประกันคุณภาพทุกชิ้นส่วนเป็นเวลา 5ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน ไม่รวมอะไหล่สึกหรอตามอายุการใช้งานทั้งนี้ต้องนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะที่บริษัทรถจักรยานยนต์นั้นกำหนด
ในส่วนการประกันรถจักรยานยนต์ ที่เป็นประกันภาคสมัครใจ ความคุ้มครองรถจักรยานยนต์จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันทำไว้กับรถคันนั้นๆ โดยประกันรถจักรยานยนต์ชั้น 2+ และ 3+ ดูแลใกล้เคียงกันดังนี้
ประกันรถจักรยานยนต์ 2+ ดูแลกรณีอุบัติเหตุรถชนรถ หรือกรณีชนกับยานพาหนะทางบก สามารถแจ้งเคลมเพื่อซ่อมรถจักรยานยนต์ของเราให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมตามทุนประกันที่บริษัทประกันกำหนดไว้
ประกันรถจักรยานยนต์ 3+ ดูแลกรณีอุบัติเหตุรถชนรถ หรือกรณีชนกับยานพาหนะทางบก สามารถแจ้งเคลมเพื่อซ่อมรถจักรยานยนต์ของเราให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมตามทุนประกันที่บริษัทประกันกำหนดไว้ ได้แก่ ทุนประกันภัยรถจักรยานยนต์ อายุ 1-5 ปี 10,000 บาท
และทุนประกันภัยรถจักรยานยนต์ อายุ 6-10 ปี 5,000 บาท
ถึงแม้ศูนย์บริการจะรับประกันสินค้า แต่เพื่อความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์สูงสุดของคุณ การทำประกันจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เราจึงยินดีนำเสนอประกันที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในท้องตลาดตอนนี้
เป็นเว็บไซต์ตัวกลางในการเสนอประกันรถจักรยานยนต์ จากพาร์ทเนอร์มืออาชีพที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเราเล็งเห็นว่าการซื้อประกันออนไลน์มีบทบาทอย่างมากในตลาดปัจจุบัน อีกทั้งสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปซื้อประกันเองโดยตรง
ความคุ้มครองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของศูนย์รถจักรยานยนต์และบริษัทประกัน คือ ศูนย์รถจักรยานยนต์ เป็นการดูแลการรับประกันสินค้านั่นก็คือรถจักรยานยนต์นั่นเอง และการบริการหลังการขาย เช่น การรับประกันทุกชิ้นส่วนยกเว้นอะไหล่สึกหรอ การเข้าตรวจเช็กระยะตามที่คู่มือกำหนด เป็นต้น
ส่วนการประกันจากบริษัทประกันภัย จะคุ้มครองรถจักรยานยนต์และผู้ขับขี่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยดูแลทั้งค่าซ่อมรถและค่ารักษาพยาบาลตามทุนประกันตามกรมธรรม์ที่ทำไว้
17,432 รีวิว
การรับประกันรถจักรยานยนต์ คือเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วเราสามารถเคลมได้ บริษัทประกันจะช่วยดูแลค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์ของเรา ทั้งนี้ต้องอยู่ในเงื่อนไขของแผนกรมธรรม์ที่คุณได้ทำไว้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อประกันรถจักรยานยนต์ชั้น 2+ ไว้ แล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มรถเอง ทางบริษัทประกันไม่ได้รับรับประกันหรือไม่คุ้มครองในจุดนี้ เพราะถือว่าผิดเงื่อนไขของแผนกรมธรรม์ เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนการเคลมประกันรถจักรยานยนต์ มีดังนี้
1. เตรียมเอกสารที่ใช้ในการเคลมประกันรถจักรยานยนต์
-เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ หรือสำเนา
-สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ
-ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือสำเนา
-สำเนากรมธรรม์ประกันภัย หรือ พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์
-ใบเคลม หรือใบรับรองความเสียหายที่บริษัทประกันออกให้
-ภาพถ่ายความเสียหาย
2. นำรถมอเตอร์ไซค์เข้าศูนย์ซ่อม
หลังจากที่เตรียมเอกสารต่างๆ ครบถ้วน ให้นำรถจักรยานยนต์เข้าศูนย์ซ่อม ซึ่งจะเป็นอู่ซ่อมที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันภัย หรือเป็นอู่นอกเครือ ให้นำใบเสร็จค่าซ่อมมาเบิกคืนกับประกัน โดยนำรถจักรยานยนต์เข้าซ่อมพร้อมยื่นใบเคลม จากนั้นทางศูนย์จะทำการประเมินแล้วนัดวันรับรถอีกครั้ง
3. เก็บหลักฐานใบรับรถและใบเสร็จจากอู่ซ่อมรถ
เมื่อนำรถจักรยานยนต์เข้าอู่ซ่อมเรียบร้อยแล้ว ให้เก็บใบรับรถและใบเสร็จที่แสดงหลักฐานต่างๆ ในการเคลมประกันไว้ ซึ่งต้องนำมาใช้ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อรับรถจักรยานยนต์ในวันที่ซ่อมเสร็จ และในกรณีเกิดเหตุขัดข้องภายหลัง สามารถนำใบเสร็จมายืนยันได้ว่าเราได้เปลี่ยนหรือซ่อมอะไรไปบ้าง
4. ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์ก่อนออกจากอู่
ก่อนนำรถจักรยานยนต์ออกจากอู่ซ่อม อย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถให้เรียบร้อย นอกจากจะดูในส่วนที่ซ่อมแซมแล้ว ควรเช็กรอบคันว่ามีสิ่งผิดปกติหรือมีตำหนิตรงไหนเพิ่มมาใหม่หรือไม่