รายการตรวจสอบยานยนต์ที่จำเป็น
เรียนรู้รายการตรวจสอบอุปกรณ์ของรถยนต์ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง หรือติดตั้งเพิ่มเพื่อยกระดับความปลอดภัย
เรียนรู้รายการตรวจสอบอุปกรณ์ของรถยนต์ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง หรือติดตั้งเพิ่มเพื่อยกระดับความปลอดภัย
สำหรับรายการตรวจเช็กต่าง ๆ ที่ทาง Tadoo นำมาเสนอ เป็นเพียงวิธีการตรวจเช็คคร่าว ๆ ที่สามารถทำด้วยตัวเอง เพื่อที่หากมีสิ่งปกติเกิดขึ้น จะได้สามารถรู้ได้อย่างทันท่วงที เริ่มจากแบตเตอรี่ มีทั้งแบบน้ำและกึ่งแห้ง สำหรับแบตแห้งแท้ ๆ ราคาค่อนข้างจะสูงมากทีเดียว ส่วนใหญ่นิยมใช้แบบกึ่งแห้ง เพราะไม่ต้องดูแลอะไรมาก เพียงแค่สังเกตอาการ ถ้าเมื่อไรที่เริ่มสตาร์ตติดยาก หรือถึงตามระยะเวลาอายุการใช้งาน ก็เตรียมตัวเปลี่ยนได้เลย แต่ถ้าเป็นแบตฯ น้ำ ต้องดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะใช้ไปสักระยะ น้ำที่อยู่ในแบตฯ จะระเหยออกไป ดังนั้นจึงต้องคอยเติมน้ำอยู่เสมอไม่ให้ขาด และอย่าเติมล้นเกินไป เพราะเมื่อมันเดือด กรดจะล้นออกมากัดขั้ว หรือตัวถังรถได้
1. น้ำมันเครื่อง – ดูปริมาณคงเหลือของน้ำมันเครื่องจากวัดระดับ น้ำมันเครื่องควรอยู่ในจุด F หรือ FULL เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่าปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้เครื่องยนต์พัง
2. น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ – ควรดึงก้านวัดระดับเกียร์อัตโนมัติออกมาเพื่อเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นใส่ก้านวัดกลับเข้าไปแล้วดึงออกมาใหม่ สังเกตดูว่าระดับน้ำมันที่ติดออกมาอยู่ตรงตำแหน่งไหน ซึ่งถ้ายังอยู่ตรงคำว่า H หรือ HOT แสดงว่าระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติปกติ
3. น้ำมันเบรก – ถือเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน โดยมีจุดบ่งชี้ระหว่าง Min กับ Max ถ้าในระดับปกติต้องไม่เกิน Max และไม่ควรต่ำกว่า Min แต่ถ้าหากรู้สึกว่าน้ำมันเบรกพร่องหายเยอะเกินปกติ ควรรีบหาสิ่งผิดปกติโดยทันที หรือนำไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจเช็คและแก้ไข
นอกจากตรวจสอบสิ่งที่มีอยู่กับตัวรถยนต์แล้ว อุปกรณ์เครื่องมือเสริมอื่น ๆ ก็ควรมีติดรถไว้เผื่อกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เช่น
ล้อ-ยางอะไหล่ – รถทุกคัน ควรมีล้อ-ยางอะไหล่ติดรถ เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินยางรั่ว ยางแบน หรือแม็กซ์แตก ล้ออะไหล่จะช่วยแก้สถานการณ์ให้คุณได้ ดังนั้นทุกครั้งก่อนใช้รถ เราควรตรวจเช็คยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เช่น ลมยาง เพราะหลายคนมักมองข้ามเรื่องนี้ คิดแค่ว่ารถเรามีล้อ-ยางอะไหล่แล้ว แต่ไม่เคยเช็คเลยว่ามีลมยางเพียงพอหรือเปล่า และที่สำคัญอย่าลืมศึกษาวิธีเปลี่ยนยางไว้ด้วย เผื่อต้องเจอสถานการณ์ที่เราขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ หรือกว่าความช่วยเหลือจะมาอาจต้องรอนาน ถ้าคุณเปลี่ยนยางเป็น จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
“ไม่อยากให้เครื่องยนต์พังอย่าปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งเด็ดขาด”
เราคงเคยเห็นสถานการณ์ที่รถจอดเสียอยู่ข้างทาง จะมีอุปกรณ์อะไรบ้างที่ช่วยเราพร้อมรับมือหากต้องเจอสถานการณ์รถเสีย ได้แก่
1. แม่แรงยกรถ และเครื่องมือถอดล้อ – นอกเหนือจากล้ออะไหล่แล้ว สิ่งที่สำคัญในการถอดล้อ ก็คือแม่แรงยกรถ และ เครื่องมือในการถอด หากไม่มีแม่แรงและเครื่องมือในการถอด ล้ออะไหล่ที่เรามีก็ไร้ค่า และที่สำคัญ หมั่นตรวจสอบสภาพแม่แรงให้พร้อมใช้งานด้วย
2. ที่เติมลมฉุกเฉิน – มีไว้สำหรับกรณีที่ต้องเติมลมยางกลางทาง เช่น ลมยางอ่อน หรือยางเสียหายเล็กน้อย เช่น เหยียบตะปู เราอาจใช้วิธีเติมลมอัดเข้าไป และรีบขับรถไปเข้าศูนย์บริการ หรือร้านยาง เพื่อแก้ไขอีกที
3. สายพ่วงแบต – หลายคนคงเจอสถานการณ์รถสตาร์ตไม่ติด หรือรถแบตหมด แต่หากเรามีสายพ่วงแบต ก็สามารถขอความช่วยเหลือโดยการขอรบกวนรถคันอื่นมาช่วยจั๊มแบตให้
4. ค้อนทุบกระจก – หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขับรถตกน้ำ จะเปิดประตูก็ไม่ได้เพราะแรงดันน้ำมากเกินไป ให้เราใช้ค้อนทุบกระจกให้แตกแล้วหนีออกมา และที่สำคัญควรวางไว้ในตำแหน่งใกล้ ๆ มือ จะได้หยิบใช้ได้สะดวก
5. ไฟฉายและป้ายสัญญาณเตือนฉุกเฉิน – ในกรณีที่รถเสียอยู่บนถนนโดยเฉพาะเวลากลางคืน ป้ายสัญญาณเตือนสะท้อนแสงและไฟฉายจะช่วยให้คุณปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเป็นสัญญาณเตือนรถคันอื่น
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ เราสามารถติดระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมได้
ในปัจจุบันนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เพื่อให้การขับขี่รถยนต์มีความปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในรถบางรุ่นยังไม่มีการติดอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ ดังนั้นหากคุณดูแล้วว่าเป็นประโยชน์ในการขับขี่ของคุณก็สามารถไปหาซื้อมาติดได้ เช่น
ชุดตรวจสอบความดันลมยาง – ระบบตรวจสอบความดันลมยาง หรือ Tire Pressure Monitoring ปัจจุบันยังคงติดตั้งในรถราคาแพง ๆ ระดับล้านบาทขึ้นไป แต่หากสนใจติดตั้งเพิ่มก็ไม่ยากเลย เพราะปัจจุบันมีชุดตรวจสอบความดันลมยางแบบติดตั้งภายหลังให้เลือกมากมาย โดยติดตั้งเซนเซอร์ไร้สายไว้กับล้อทั้ง 4 ข้าง ที่จะมีการส่งสัญญาณมาที่เครื่องรับภายในรถ ซึ่งจะแสดงข้อมูลความดันลมยางแบบเรียลไทม์ ช่วยเตือนหากล้อใดล้อหนึ่งมีความดันผิดไป
1. กล้องมองหลัง – รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ก็เริ่มติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานแล้ว แต่สำหรับรถรุ่นเก่าที่ไม่มีกล้องมองหลังสามารถหาซื้อมาติดตั้งเพิ่มได้ง่าย ๆ แถมยังมีราคาไม่แพง เพียงแต่อาจต้องอัปเกรดเครื่องเสียงแบบมีจอเพิ่มเข้าไปด้วย
2. เซนเซอร์ช่วยจอด – เซนเซอร์ถอยหลังมีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบ 2 จุด 4 จุด หรือรอบคัน อย่างไรก็ตาม ควรเลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพ เพื่อการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพ ไม่รวนง่าย
3. ไฟหน้าอัตโนมัติ – ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะการขับรถเข้าที่มืดฉับพลัน เช่น อาคารจอดรถ อุโมงค์ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันมีระบบดังกล่าวสำหรับติดตั้งเสริมภายหลังได้ แต่ควรเลือกยี่ห้อหรือร้านที่ไว้ใจได้ เพราะฟังก์ชันเหล่านี้จำเป็นต้องพ่วงสายไฟเข้ากับตัวรถ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ เพื่อการใช้งานที่ทนทานและไม่รบกวนระบบอื่น ๆ ของรถ
4. ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ – เซนเซอร์ที่ปัดน้ำฝนสามารถซื้อมาติดตั้งได้ในภายหลัง ทำให้ไม่ต้องคอยมานั่งปรับก้านที่ปัดน้ำฝน ซึ่งหลายยี่ห้ออาจพ่วงมากับระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ หรือแม้แต่กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติมาให้ด้วย ควรตรวจสอบยี่ห้อและผู้ผลิตให้ดี เพราะของที่มีคุณภาพมักมีราคาสูงกว่าเสมอ