การฉ้อโกงเงินออนไลน์
การฉ้อโกงเงินเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ยังมีมิจฉาชีพจำนวนมากที่ฉ้อโกงเงิน ซึ่งการฉ้อโกงนั้นมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
การฉ้อโกงเงินเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ยังมีมิจฉาชีพจำนวนมากที่ฉ้อโกงเงิน ซึ่งการฉ้อโกงนั้นมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
ทุกวันนี้มีมิจฉาชีพเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นการฉ้อโกงทางการเงิน การหลอกลวงของมิจฉาชีพเหล่านี้สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้คนเชื่อ ไม่ว่าจะด้วยช่องทางใดๆ ก็ตาม กลวิธีส่วนใหญ่ของมิจฉาชีพจะทำให้คุณรู้สึกไว้เป็นกังวล หรือมาในรูปแบบของการสร้างความน่าเชื่อถือในเริ่มต้นโดยใช้การหว่านล้อม และเมื่อคุณหลงกล มิจฉาชีพก็จะเอาเงินไปจากคุณได้ในที่สุด การฉ้อโกงเงินของมิจฉาชีพในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ดังนี้
มิจฉาชีพส่วนมากจะส่งอีเมลโดยแอบอ้างว่าเป็นอีเมลจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สถาบันการเงิน หรือเป็นองค์กรการกุศลต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานอีเมลกรอกข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน และมิจฉาชีพเหล่านี้จะนำข้อมูลที่กรอกไว้มาสวมรอยเข้าใช้งานในบัญชีแทนคุณ หลังจากนั้นก็จะส่งอีเมลไปหาบุคคลที่อยู่ในรายชื่อติดต่อในอีเมลของคุณ เพื่อหลอกให้บุคคลเหล่านั้นโอนเงินให้กับมิจฉาชีพ และถ้าอีเมลผูกกับ Social Media ต่าง ๆ ด้วย มิจฉาชีพก็สามารถนำรหัสผ่านไป Login สวมรอยต่อใน Social Network ได้อีกด้วย และจะทำการแอบอ้างว่าเป็นคุณ แล้วให้คุณโอนเงินไปให้โดยอ้างกรณีต่างๆ เช่น เจ็บป่วยไม่สบาย ต้องใช้เงินแบบเร่งด่วนแล้วจะคืนให้ แต่สุดท้ายเมื่อได้เงินคืนแล้วมิจฉาชีพเหล่านี้ก็ละลบข้อมูลติดต่อ กว่าจะรู้ตัวก็เสียเงินไปแล้ว
ในปัจจุบันเกิดมิจฉาชีพที่แอบอ้างว่าเป็นร้านค้า โดยการสร้างบัญชีเพจร้านค้าใน Facebook , Instagram เป็นต้น ลักษณะการหลอกลวงของมิจฉาชีพนั้นจะคล้ายคลึงกับร้านค้าออนไลน์จริงๆ เช่นมีการโพสต์รูปสินค้า หรือทำโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า แต่ให้สังเกตดีๆว่าโปรโมชั่นนั้นๆจะมีราคาถูกเกินจริง หรือเป็นโปรโมชั่นที่ให้สิทธิพิเศษมากเป็นพิเศษ เมื่อมีเหยื่อที่ไม่รู้หลงกล โดยการติดต่อซื้อสินค้า ซึ่งมิจฉาชีพเหล่านี้จะให้เหยื่อโอนเงินมาก่อนแล้วจึงอ้างว่ากำลังจัดส่ง หลังจากนั้นเมื่อเราขอเลขที่พัสดุแล้วกลับไม่มีการติดต่อหลับ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเราติดต่อทางเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มีใครรับสาย หรือบล็อกเบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ทำให้เสียเงินไป และโอกาสที่จะได้คืนก็ยาก เพราะไม่สามารถติดตามตัวตนขอมิจฉาชีพได้ สำหรับวิธีสังเกตและป้องกันมิจฉาชีพในรูปแบบนี้ คือให้สังเกตยอดไลค์ของเพจนั้นๆ และดูรีวิวผู้ซื้อของเพจนั้นๆประกอบการตัดสินใจ แต่อย่าเพิ่งเชื่อรีวิวที่เห็น เพราะอาจจะเป็นการจ้างรีวิวก็ได้ และให้เช็คร้านค้าหรือชื่อผู้ขายว่าเคยมีการโกงมั้ย เช่นนำชื่อที่อยู่ในบัญชีธนาคารของแม่ค้าไปค้นหาใน Google หรือกลุ่มซื้อขายใน Facebook ว่ามีประวัติการโกงหรือไม่ แล้วให้ถ่ายรูปหน้าจอหรือบันทึกชื่อของแม่ค้าคนนั้น ในกรณีที่แม่ค้าคนนี้เป็นมิจฉาชีพก็สามารถนำข้อมูลส่วนนี้ไปแจ้งความได้ และวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือให้ซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Shopee หรือ Lazada เป็นต้น
“เหยื่อจำนวนมากถูกฉ้อโกงเงินจากมิจฉาชีพครั้งแล้วครั้งเล่า”
มิจฉาชีพประเภทนี้ถือว่ามีเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน และนับวันก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่องๆ โดยอาศัยความกลัว ความโลภ หรือความสงสารให้แก่เหลือ โดยมิจฉาชีพเหล่านี้มักจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่ทวงหนี้ โดยมักจะอ้างว่าเราเป็นหนี้อยู่จำนวนหนึ่ง ถ้าไม่ชำระหนี้แล้วจะถูกยึดทรัพย์สินหรือจะทำการอายัดบัญชี แล้วให้เราโอนเงินเพื่อชำระหนี้หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือในบางกรณีก็ให้กรอกข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตนเพื่อแฮคข้อมูลของเรา นอกจากนี้แล้วยังพบมิจฉาชีพในรูปแบบของชาวต่างชาติจากแอปหาคู่รัก ซึ่งเหยื่อมักจะเป็นผู้หญิง โดยการใช้รูปโปรไฟล์ของคนหน้าตาดีมาแอบอ้างแล้วหลอกให้เหยื่อหลงรัก แล้วจึงหลอกเหยื่อว่าจะโอนเงินหรือส่งของขวัญมาให้ และมักจะอ้างว่าจะต้องมีค่าธรรมเนียมสำหรับการโอนเงินข้ามประเทศหรือค่าส่งพัสดุ แต่ปรากฏว่าไม่มีเงินโอนเข้ามาหรือไม่ได้รับของขวัญนั้นจริงๆ กว่าเหยื่อจะรู้ตัวว่าถูกหลอก มิจฉาชีพก็ได้รับเงินไปแล้ว
อย่าไว้ใจใคร เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการป้องกันการฉ้อโกงเงิน
การหลอกลวงประเภทนี้ มิจฉาชีพส่วนมาจะมาในรูปแบบคอลเซนเตอร์ โดยส่งข้อความทางโทรศัพท์ โดยบอกว่าคุณเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลจำนวนมาก, ไม่ว่าจะเป็นเงินสด สินค้าสุดพิเศษ หรือได้รับสิทธิประโยชน์ชนิดที่ว่าจัดเต็ม เช่น ตั๋วเพื่อไปท่องเที่ยวฟรีที่ต่างประเทศ ซึ่งคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อให้ได้รางวัลชิ้นใหญ่ และถ้าคุณจ่ายค่าธรรมเนียมไปแล้ว มิจฉาชีพก็จะบล็อกเบอร์โทรศัพท์ทันที และคุณก็ไม่ได้ของรางวัลแต่อย่างใด
วิธีการป้องกันการโกงเงินจากมิจฉาชีพนั้นมีกฎเหล็กเพียงข้อเดียว คืออย่าไว้วางใจใครง่ายๆ เมื่อเรื่องเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการธุรกรรมทางการเงิน ถึงแม้ว่าคุณจะเจอเหตุการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกกังวล หรือดึงดูดใจ ขอให้คุณตระหนักก่อนทุกครั้งว่า อาจไม่ใช้ความจริง หลังจากนั้นจึงทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งทำได้โดยติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อสอบถามประเด็นข้อสงสัยที่มิจฉาชีพอ้าง ถ้าธนาคารหรือสถาบันการเงินแจ้งว่าไม่เป็นความจริงก็ให้สันนิษฐานว่าคนที่ติดต่อหาคุณเป็นมิจฉาชีพ แล้วจึงไปแจ้งความแล้วลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ