ทำอย่างไรเมื่อต้องการใช้เงินฉุกเฉิน
เงินนอกจะใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วยังช่วยแก้ปัญหาได้หลายเรื่อง แต่หากต้องการเงินในยามฉุกเฉินจะมีวิธีการไหนที่จะได้รับเงินก้อนฉุกเฉินได้บ้าง
เงินนอกจะใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วยังช่วยแก้ปัญหาได้หลายเรื่อง แต่หากต้องการเงินในยามฉุกเฉินจะมีวิธีการไหนที่จะได้รับเงินก้อนฉุกเฉินได้บ้าง
การเบิกเงินล่วงหน้าจากเงินเดือนที่จะได้รับ คือการที่เราเอาเงินจากอนาคตมาใช้ในปัจจุบันซึ่ง การเบิกเงินเดือนล่วงหน้าเป็นสวัสดิการในบางองค์กรในการช่วยเหลือทางด้านการเงินอย่างเร่งด่วนให้กับพนักงาน และเป็นช่องทางทางการเงินเพิ่มเติมที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้พนักงาน ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ไม่ต้องการรบกวนคนอื่นหรือไม่อยากเสียดอกเบี้ยแพงๆจากการกู้ยืมเงินก้อนมาใช้ เพราะบริการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าไม่สร้างดอกเบี้ยหรือภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น ให้กับทั้งองค์กร หรือพนักงาน เพราะเป็นการใช้สิทธิ์ในเงินเดือนของตนเองที่ทำงานมาได้แล้ว แต่ยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินเดือนนั่นเอง โดยเงื่อนไขการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าอาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กร
หากคุณทำงานในองค์กรที่ไม่มีนโยบายเบิกเงินล่วงหน้านั้น การยืมเงินคนใกล้ตัวถือเป็นวิธียอดฮิตของคนเราเมื่อต้องการใช้เงินด่วน เพราะนอกจากจะมีความสะดวกรวดเร็วแล้วยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่ก่อนจะทำการหยิบยืมเงินใครควรตรวจสอบด้วยว่า ฐานะของผู้ที่เราจะไปยืมเขาอยู่ในฐานะที่ให้เรายืมได้หรือไม่ เรามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเขาหรือไม่ ส่วนตัวเราเองก็ต้องมาพิจารณาว่ามีความน่าเชื่อถือ มีความรับผิดชอบเพียงพอหรือเปล่า ถ้าเรามีนิสัยการเงินที่ดี มีความรับผิดชอบ คนอื่นก็จะไว้วางใจ และอย่าลืมว่าถ้าเขาให้ยืมแล้วจะต้องคืนให้ครบถ้วนและตรงเวลาด้วย เพราะไม่เช่นนั้นคุณอาจจะเสียมิตรภาพดีๆ และไม่มีใครอยากช่วยเหลือเมื่อคุณเดือดร้อนอีกต่อไป
บัตรกดเงินสดเป็นวิธีที่ดีสำหรับคนที่ไม่ต้องการรบกวนใคร หรือเป็นภาระใคร เพราะเราสามารถกดเงินมาใช้ได้ทันทีในวงเงินที่กำหนด ถึงแม้จะเป็นทางเลือกที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง แต่ในยามฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดี เพราะการพึ่งพาตัวเองดีที่สุด แต่ข้อควรระวังในการใช้บัตรกดเงินสดเอาเงินก้อนออกมา ก็อย่าสร้างหนี้ใหม่เพิ่มขึ้น และรีบใช้คืนให้ตรงเวลา เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เป็นหนี้พอกหางหมูได้ เพราะทั้งต้นทั้งดอกก็ทบทวนไปเป็นหนี้ไม่จบสักที
“ถึงแม้จะมีวิธีในการหาเงินก้อนฉุกเฉินมาใช้หลายวิธีก็ตาม แต่ทางที่ดีที่สุดก็คือการรู้จักเก็บออมเงินไว้ให้ยามฉุกเฉิน เพราะนอกจากจะไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นแล้วยังไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงๆอีกด้วย”
การขอสินเชื่อถือส่วนบุคคลคือการขอกู้เงินก้อนจากสถาบันการเงิน สำหรับบุคคลที่สามารถรอคอยได้ เพราะถึงแม้ว่าการขอสินเชื่อนั้นจะมีวิธีการรับเงินก้อนที่ยุ่งยากกว่าวิธีอื่นๆ แต่สินเชื่อส่วนบุคคลเมื่อได้รับการอนุมัติแล้วจะได้เงินมาเป็นก้อนเลย ที่สำคัญดอกเบี้ยไม่ได้แพงมากนักเมื่อเทียบกับการกดเงินจากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด แต่การขอสินเชื่อส่วนบุคคลอาจจะต้องเผื่อเวลานิดหน่อยแต่กว่าจะอนุมัติมักจะไม่เกิน 1 สัปดาห์ ดังนั้นถ้าใครที่สามารถรอได้ทางเลือกนี้ถือเป็นทางเลือกที่แนะนำ
ไม่ว่าจะหาเงินก้อนมาได้ด้วยวิธีไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องมีวินัยการใช้เงินให้เพิ่มมากขึ้นในเดือนถัดไป เพราะจะทำให้สามารถผ่อนชำระเงินคืนได้ตามกำหนดและป้องกันการติดหนี้หัวโต
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตเป็นวิธีการที่ไม่ควรทำ เพราะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าวิธีอื่นๆ แต่ถ้าไม่มีทางเลือกแล้วหากจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ก็ถือว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อกดเงินสดจากบัตรเครดิตแล้ว ต้องทำใจว่าดอกเบี้ยต้องสูงมาก และเมื่อถึงคราวชำระหนี้ ก็อย่าลืมรีบเคลียร์เงินก้อนนี้ให้หมดไปก่อนเลย
1. จัดทำบันทึกรายรับรายจ่าย – ทำบันทึกรายรับรายจ่ายว่าในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่คุณต้องจ่าย เช่น ค่า น้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าบริการที่ตัดบัตรเครดิตอัตโนมัติต่าง ๆ และจดบันทึกหนี้สินต่าง ๆ ทั้งค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ผ่อนบัตรเครดิตทุกใบของคุณ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะ อย่างเช่น ค่ากาแฟ ค่าขนม เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง ซึ่งการทำบันทึกรายรับรายจ่ายนั้นเพื่อให้คุณเห็นพฤติกรรมการจ่ายเงินของคุณ ว่าคุณมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมากน้อยแค่ไหนและสามารถตัดค่าใช้จ่ายอะไรไปได้บ้างเพื่อลดค่าใช้จ่ายของคุณและทำให้มีเงินเหลือเพิ่มมากขึ้น
2. ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น – หลังจากที่คุณได้ทำบันทึกรายรับรายจ่ายแล้ว และได้เห็นว่ามีรายจ่ายอะไรบ้างที่ไม่จำเป็น ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องเริ่มปรับนิสัย โดยการลดรายจ่ายต่าง ๆ ที่ฟุ่มเฟือย หรือสามารถทดแทนได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินหรือจ่ายเงินน้อยกว่า อย่างเช่น หากคุณชอบกินกาแฟร้านแพงๆ ก็ลองเปลี่ยนมากินกาแฟในราคาที่ต่ำกว่าดู บางทีมันอาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้ หรือหากคุณชอบกินบุฟเฟ่ต์อาทิตย์ละ 3-4 วัน ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นอาทิตย์ละ 1 วัน นอกจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วนได้อีกด้วย นอกจากนี้ คุณต้องตรวจสอบบิลเรียกเก็บเงินบัตรเครดิต ดูว่ามีค่าบริการอะไรที่คุณสมัครแบบตัดบัตรเครดิตอัตโนมัติหรือไม่หากมี ก็ให้คุณรีบดำเนินการยกเลิกในกรณีที่คุณไม่ค่อยได้ใช้บริการ