Connect with us

ตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อนคิดจะซื้อบ้าน

เตรียมพร้อมสำหรับการกู้บ้าน โดยการหาข้อมูลเพื่อจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด

คำถามที่ต้องตอบให้ได้ก่อนกู้ซื้อบ้าน

ก่อนที่เราจะขอสินเชื่อเราควรที่จะต้องรู้รายละเอียดของสินเชื่อนั้น และควรตรวจสอบว่าตัวเราเองพร้อมไหม ถ้าหากต้องจ่ายเท่านี้ไหวไหมต่อเดือน หากไม่แน่ใจนั้น ก็ไม่ควรที่จะทำก่อน เพราะเกิดภาระหนี้โดยสูญเปล่า ยิ่งเป็นการขอกู้สินเชื่อบ้านนั้นแล้ว เราควรที่จะตรวจสอบให้แน่ใจเพื่อจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด คำถามที่ต้องให้ได้ก่อนจะขอกู้บ้าน มีดังต่อไปนี้

1. รายได้เท่าไหร่ถึงจะสินเชื่อบ้านได้
2. มีภาระผ่อนอยู่แล้ว ขอสินเชื่อบ้านได้ไหม
3. ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
4. ประกันภัยกับสินเชื่อบ้านต้องมีไหม
5. ผ่อนไม่ไหวควรทำอย่างไร

จุดเด่น

  • การมีรายได้ที่ไม่คงที่ย่อมหมายถึงความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้
  • หากได้รับโบนัสหรือเงินก้อนพิเศษเข้ามา การนำไปโปะหนี้บ้านจะช่วยให้ภาระหนี้บ้านหมดไวขึ้น

รายได้เท่าไรถึงจะขอสินเชื่อบ้านได้

รายได้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่า เราสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ และกู้ได้เป็นเงินเท่าไร ปกติแล้ว รายได้ขั้นต่ำที่จะขอสินเชื่อได้อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
โดยรายได้มากก็จะมีโอกาสขอสินเชื่อได้วงเงินสูงขึ้น สำหรับผู้ที่เป็นมนุษย์เงินเดือน การขอกู้มักทำได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานแสดงที่มาของรายได้ และมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้มีรายได้ประจำ เมื่อจะกู้บ้านจึงควรแสดงให้ธนาคารเห็นว่า มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยนำเงินฝากเข้าธนาคารในวันเดียวกันเป็นประจำทุกเดือน เช่น นำเงิน 20,000 บาท ฝากทุกวันที่ 30 ของทุกเดือน

มีภาระผ่อนอยู่แล้ว จะขอสินเชื่อได้หรือไม่

แม้ว่าปัจจุบันจะมีภาระหนี้สินอยู่ ก็ยังมีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ ปกติแล้วในการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีเกณฑ์ว่า ภาระหนี้ในแต่ละเดือนต้องไม่เกิน 40-60% ของรายได้ต่อเดือน ในเบื้องต้นเราสามารถเช็กด้วยตัวเองง่าย ๆ ว่า จะขอสินเชื่อกับธนาคารผ่านหรือไม่ เช่น ปัจจุบันเงินเดือน 20,000 บาท ถ้าธนาคารตั้งเกณฑ์ไว้ว่า ภาระผ่อนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้

ดังนั้น ภาระผ่อนโดยรวมต้องไม่เกิน 8,000 บาท โดยลองคำนวณดูว่า ถ้ามีภาระผ่อนหนี้อื่นอยู่ หากผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น จะทำให้ภาระผ่อนโดยรวมสูงเกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ ถ้าไม่เกิน ก็มีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ สำหรับการคำนวณภาระผ่อนของสินเชื่อบ้าน อาจคำนวณง่าย ๆ ได้ว่า สินเชื่อบ้าน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี ยอดผ่อนต่อเดือนจะประมาณ 7,000 บาท

“เราควรตรวจสอบตัวเราเองว่ามีความพร้อมมากแค่ไหนในการขอกู้สินเชื่อบ้าน เพื่อจะได้ไม่เกิดความเสียหายภายหลัง”

ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

ในการกู้ซื้อบ้าน นอกจากเงินดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้านที่เราต้องเตรียมให้พร้อมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านที่เราต้องเตรียม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1. ค่าใช้จ่ายของธนาคารเช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน)

2. ค่าใช้จ่ายของกรมที่ดินเช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน
ดังนั้น แม้ว่าคุณสมบัติต่าง ๆ ในด้านรายได้และภาระหนี้จะผ่านเกณฑ์ขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมเงินสำหรับดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ลดหย่อนค่าโอนและค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

– ลดค่าจดทะเบียนการโอนบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ หรือคอนโดมิเนียมจากเดิม 2% ของราคาประเมิน เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน
– ลดค่าจดจำนองโอนบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ หรือคอนโดมิเนียมเหลือจากเดิม 1% ของมูลค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% ของมูลค่าจดจำนอง
– ราคาซื้อขายโอนบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ หรือคอนโดมิเนียมไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท
– มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้-24 ธันวาคม 2563

ถ้าต้องการหมดภาระหนี้เร็วขึ้น สามารถทำได้โดยการโปะหนี้บ้านหรือชำระหนี้มากกว่ายอดผ่อนที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน เพราะการโปะหนี้จะทำให้ยอดเงินต้นลดลง และดอกเบี้ยจ่ายลดลง

ประกันภัยกับสินเชื่อบ้าน ต้องมีไหม

ในกรณีเป็นการขอสินเชื่อบ้าน ที่มีสิ่งปลูกสร้างด้วย โดยทั่วไปสถาบันการเงินจะกำหนดให้ลูกหนี้ทำประกันวินาศภัยและผลประโยชน์ให้แก่สถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินไม่สามารถบังคับลูกหนี้ให้ทำประกันกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจง ดังนั้นลูกหนี้มีสิทธิ์เลือกทำประกันบริษัทหรือผ่านนายหน้าประกันใดก็ได้ตามความสมัครใจ

ผ่อนไม่ไหวควรทำอย่างไร

ในการผ่อนสินเชื่อบ้านแต่ละงวดคุณต้องชำระก่อนหรือชำระให้ตรงเวลาเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการชำระล่าช้า หากในกรณีที่มีปัญหาไม่สามารถชำระได้ตรงเวลาหรือเริ่มผ่อนชำระไม่ไหว แนะนำให้รีบไปคุยกับสถาบันการเงินโดยเร็วเพื่อแจ้งสาเหตุและหาทางแก้ปัญหา เช่น ลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดจนกว่าจะสามารถกลับไปชำระเงินในแบบเดิมที่เคยได้ตกลงกันไว้

ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ

ประเภทของสินเชื่อ

คู่มือยอดนิยมสำหรับสินเชื่อ