การรักษาโรคโควิด-19
ปัจจุบันนี้การรักษาโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างไร จะสามารถป้องกันอย่างไรได้บ้าง
ปัจจุบันนี้การรักษาโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างไร จะสามารถป้องกันอย่างไรได้บ้าง
ในปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด ถึงสูตรยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยาที่มีข้อมูลว่ามีฤทธิ์ต่อไวรัสดังกล่าวและมีการนำมาใช้ในผู้ป่วย ได้แก่ ยารักษาโรคมาลาเรีย (hydroxychloroquine, chloroquine) ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (azithromycin) ยาต้านไวรัสเอชไอวี (darunavir, lopinavir, ritonavir) และ favipiravir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสตัวใหม่ที่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยเพื่อรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ ระยะเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ 5-10 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วย
เนื่องจากยังไม่มียารักษาโดยตรง การรักษาจึงทำได้เพียงกินยาต่างๆ ที่กล่าวไปด้านบน เพื่อช่วยให้อาการทุเลาลง แต่ก็อาจมีพบอาการข้างเคียงบ้างขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ป่วย สำหรับอาการข้างเคียงจากยา โดยรวมแล้วยาทุกตัวมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นการใช้ยาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว ภาวะตับอักเสบ เป็นต้น อย่างไรก็ตามอาจต้องระวังอาการคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติโดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคหัวใจและมีการใช้ยาหลายๆ ชนิด ผู้ป่วยจะต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงโรคประจำตัวและยาที่ใช้ประจำทั้งหมด รวมถึงสมุนไพรและอาหารเสริม เนื่องจากยาบางตัวอาจเกิดปฏิกิริยากับยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ปัญหายาตีกัน) อาจไม่สามารถใช้ยาร่วมกันได้ ซึ่งแพทย์จะต้องประเมินความจำเป็นของยาแต่ละตัวสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายต่อไป
สำหรับการสกัดแอนติบอดีจากน้ำเลือดหรือพลาสมาของผู้ที่หายป่วยจากโรค COVID-19 ก็เป็นอีกความหวังหนึ่งในการพัฒนายารักษาด้วยวิธีรับภูมิคุ้มกันที่ได้จากผู้อื่นมาโดยตรง โดยผลการทดลองเบื้องต้นในจีนและสหรัฐอเมริกาพบว่า แอนติบอดีในน้ำเลือดที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์ สามารถใช้ได้ผลในห้องปฏิบัติการ และดูเหมือนว่าจะมีความปลอดภัยในการใช้กับมนุษย์ ซึ่งต้องติดตามผลต่อไป ทั้งนี้เราควรติดตามข่าวสารของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ข่าวสารต่างๆ จะเป็นประโยชน์สำหรับเรา
“หากใช้ยาหรืออาหารเสริมอะไรอยู่ต้องแจ้งหมอให้หมด เพราะอาจเกิดปัญหายาตีกันได้”
สำหรับการใช้ยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอถึงสูตรยาที่เหมาะสม ดังนั้นประชาชนทั่วไปไม่ควรหาซื้อยามารับประทานเอง เนื่องจากอาจเกิดผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ หากคุณมีอาการเข้าข่ายหรือสงสัยว่าเป็นอาการที่บ่งบอกถึง COVID-19 วิธีที่ถูกต้อง คือ ควรติดต่อผู้ให้บริการดูแลสุขภาพหรือสายด่วน COVID-19 เพื่อขอคำแนะนำและดูว่าจะได้รับการตรวจเมื่อใดและที่ไหน ควรอยู่บ้านให้ห่างจากผู้อื่น 14 วันและติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง คอยเช็คอุณหภูมิร่างกาย และหากมีอาการไม่ดีขึ้น รวมถึงมีอาการหายใจถี่หรือเจ็บหน้าอกร่วมด้วยให้รีบไปพบแพทย์ทันที โดยโทรติดต่อสายด่วนล่วงหน้าเพื่อขอคำแนะนำ และไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสม
หากสงสัยว่ามีอาการห้ามซื้อยามาทานเองเด็ดขาด ควรไปปรึกษาแพทย์
สิ่งเหล่านี้เราสามารถทำเพื่อดูแลและป้องกันตัวเองได้ โดยควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป เราจึงไม่อาจใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อนได้ ถ้าไม่อยากติดโรคก็ต้องดูแลตัวเอง ดังนี้
1. อาหารการกิน ไวรัสโคโรนาจะถูกทำลายด้วยความร้อนที่ 65 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารดิบ เช่น ซูชิ, กุ้งแช่น้ำปลา, ยำแซลมอน, เนื้อสด เป็นต้น
2. ปรับพฤติกรรมเพิ่มความสะอาด เริ่มตั้งแต่ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ รวมถึงทำความสะอาดด้วย เจลล้างมือ โดยเจลล้างมือที่มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อได้ต้องมีแอลกอฮอล์ผสมมากกว่า 70% ลดการสัมผัสใบหน้าทั้งขยี้ตาแคะจมูก
3. หลีกเลี่ยงเชื้อโรคในพื้นที่สาธารณะ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของในพื้นที่สาธารณะ เช่น ปุ่มกดลิฟต์, ราวบันไดเลื่อน, ประตูห้องน้ำสาธารณะ เป็นต้น ตลอดจนงดการสัมผัสกับบุคคลอื่นในพื้นที่สาธารณะ รักษาระยะห่าง 1 เมตร และสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขแน่นอน เพราะถึงตอนนั้นหากเราได้รับเชื้อจะทำประกันก็สายไปเสียแล้ว เพราะเงื่อนไขของประกันโควิด-19 ไม่คุ้มครองผู้ที่ติดเชื้อ หรือเป็นผู้ที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus (2019-nCoV)” (รวมถึงภาวะแทรกซ้อน) ที่เป็นอยู่ก่อนการเอาประกันภัย และยังมิได้รักษาให้หายขาด ดังนั้นเราจึงควรทำไว้ตอนที่เรายังสุขภาพแข็งแรงไม่ได้รับเชื้อเข้าไป ต่อไปนี้คุณจะไม่อาจมองว่าการซื้อประกันเป็นเรื่องไกลตัวได้เลย ด้วยสภาวการณ์โรคระบาดโควิด-19 คุณจึงควรมีประกันโควิด-19 ไว้คุ้มครองตัวคุณ