วิธีบำรุงดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น
รถยนต์จะดูใหม่อยู่เสมอ ถ้าเราบำรุงดูแลรักษาอย่างดี ดังนั้น ควรบำรุงรักษารถยนต์อย่างไรให้ดี เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
รถยนต์จะดูใหม่อยู่เสมอ ถ้าเราบำรุงดูแลรักษาอย่างดี ดังนั้น ควรบำรุงรักษารถยนต์อย่างไรให้ดี เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
การดูแลยางรถยนต์ – ยางเป็นอุปกรณ์เบสิกของรถยนต์เลย ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ โดยเติมลมยางตามคู่มือรถอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งไม่เพียงจะให้ความปลอดภัยในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันด้วย
การดูแลระบบเบรก – ไล่ไปตั้งแต่น้ำมันเบรก ผ้าเบรก หรือจานเบรก แต่ละส่วนควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ผ้าเบรกหมดหรือยัง ต้องเจียรจานเบรกหรือเปล่า และน้ำมันเบรกมีรั่วมีซึม หรือเก่าไปควรเปลี่ยนถ่ายหรือไม่ ทุกจุดล้วนมีผลต้องการขับขี่ที่ส่งผลต่อชีวิตคุณได้ในเสี้ยววินาที เพราะถ้าระบบเบรกไม่ดีอาจอันตรายถึงชีวิต
สภาพสีของรถคุณอาจถูกทำลายความเงางามจากมลภาวะแวดล้อม เช่น ปัญหาจากแดดร้อน ปัญหาขี้นก ยางต้นไม้ หรือคราบสกปรกที่ติดนานเกินไปจากที่คุณปล่อยไว้ไม่ยอมล้างรถ ล้วนแต่จะทำให้สีสวย ๆ ของรถคุณ “หม่นหมอง” ไปได้เช่นกัน ดังนั้นหมั่นรักษารถให้สะอาดเงางามอยู่เสมอดีที่สุด โดยการ
1. ล้างรถสัปดาห์ละครั้ง – การล้างรถช่วยให้ตัวรถดูสะอาด พร้อมกับชำระล้างสิ่งสกปรกที่อาจฝังอยู่ในร่องหลืบ หรือเป็นคราบที่กัดกร่อนทำให้สีรถด่างเป็นดวง และควรทำความสะอาดภายในห้องโดยสารให้สะอาดเอี่ยมด้วยเช่นกัน
2. จอดรถในที่ร่ม – พยายามหาที่จอดรถในร่มเพื่อรักษาสีของตัวรถและปกป้องห้องโดยสารจากแสงแดดที่แผดเผาของบ้านเรา ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อาจใช้แผงกันแดดปิดบังคอนโซลไว้เพื่อป้องกันความเสียหายของวัสดุพลาสติก
การเช็คระยะ ควรเช็กระยะสม่ำเสมอ ความสำคัญของการเข้าเช็คระยะตามกำหนด คือการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตรวจสอบชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ซึ่งมีความจำเป็นทั้งกับรถใหม่และรถมือสอง ช่วยยืดอายุการใช้งานตัวรถและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
เช็คของเหลวห้องเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเฟืองท้าย(ถ้ามี), น้ำหล่อเย็น, น้ำมันเบรก นี่คือบรรดาของเหลวซึ่งมีความสำคัญในการทำงานของรถคุณ อย่าปล่อยผ่าน และหมั่นตรวจเช็คตามระยะ ก็จะช่วยให้คุณใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ล้างห้องเครื่องยนต์ ล้างห้องเครื่องยนต์อย่างน้อยปีละครั้ง เพราะเครื่องยนต์ที่สะอาดจะมีอุณหภูมิการทำงานที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ที่สกปรก
“ล้างรถสัปดาห์ละครั้งเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสีรถ”
แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถยนต์ ทั้งเครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียง และขั้นตอนแรกสุดของการใช้งานรถนั่นคือ “การสตาร์ต” ดังนั้นอย่าปล่อยให้แบตเตอรี่น้ำแห้งหรือเมื่อถึงอายุการใช้งาน 1-2 ปี ก็ควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้แล้ว และถึงแม้แบตเตอรี่ในรถของคุณจะเป็นแบบ Maintenance free หรือไม่จำเป็นต้องดูแลรักษา แต่ก็ควรตรวจสอบสภาพตัวแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอเพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยควรทำความสะอาดให้ใหม่อยู่ตลอดเวลาและตรวจดูว่ามีความเสียหายใด ๆ หรือไม่
ควรมีสายพ่วงแบตติดรถไว้ เผื่อรถแบตหมดสตาร์ตไม่ติด
1. การดูแลหัวเทียน – อุปกรณ์อีกชิ้นที่ทำหน้าที่ในการช่วยจุดระเบิดในห้องเผาไหม้อย่างหัวเทียน เป็นชิ้นส่วนที่ใช้งานไปก็เสื่อมสภาพปล่อยผ่านไม่ได้ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องยนต์คุณควรหมั่นตรวจสอบตามระยะที่จุดนี้ด้วย หลายค่ายรถแนะนำให้เปลี่ยนหัวเทียนทุก 50,000 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราความประหยัดน้ำมันและสมรรถนะเครื่องยนต์
2. การดูแลสายพาน – ชิ้นส่วนของสายพานที่ผ่านการใช้งานอาจเสื่อมสภาพ หรือมีรอยแตกร้าว เสี่ยงที่จะขาดซึ่งมีผลทำให้รถไม่สามารถขับขี่ได้ในทันที ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบสภาพชิ้นส่วนสายพาน และควรเปลี่ยนตามอายุการใช้งานด้วย
1. ระบบกรองอากาศ – ทำหน้าที่ป้องกันฝุ่น หรือสิ่งสกปรกในอากาศ ไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านั้นอาจไปจุดระเบิดในห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ คุณควรหมั่นตรวจเช็คให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้อากาศสามารถไหลเข้าไปห้องเผาไหม้ได้เป็นปกติ
2. ใบปัดน้ำฝน – ตอนที่ขับรถขณะฝนตกคุณจะเห็นประโยชน์ของใบปัดน้ำฝน ที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ของคุณดีขึ้นเมื่อเทียบกับใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพที่ปัดยังไงก็ไม่สะอาด ถ้าใบปัดน้ำฝนเก่าเกินไปก็สมควรเปลี่ยน
3. กระจกรถ – กระจกบังลมบานหน้ารวมถึงกระจกทุกบานของรถยนต์ที่ต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ และถ้ามีรอยร้าวจากของแข็ง หรือสะเก็ดหินก็ควรรีบซ่อมก่อนที่จะลุกลามเป็นแผลใหญ่ซึ่งอันตรายมากในการใช้งาน
ถ้าเราดูแลรักษารถยนต์อย่างดีแล้ว นอกจากรถยนต์จะยังดูใหม่อยู่เสมอ ยังยืดอายุการใช้งานของรถยนต์อีกด้วย รวมทั้งการทำประกันรถยนต์ไว้ก็จะช่วยคุ้มครองรถของคุณมากยิ่งขึ้น เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน หากสนใจประกันรถยนต์ เลือกผ่าน Tadoo