Connect with us

รีไฟแนนซ์บ้านมากกว่าหนึ่งครั้งได้หรือไม่

การรีไฟแนนซ์บ้านช่วยให้คุณได้ดอกเบี้ยที่ลดลง เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย

การรีไฟแนนซ์บ้านมากกว่าหนึ่งครั้ง

การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดี เพราะการรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นการลดดอกเบี้ยให้ถูกลงกว่าเดิม ดังนั้นการรีไฟแนนซ์บ้านเป็นวิธีที่ดี สำหรับบางคนที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ การรีไฟแนนซ์สามารถทำได้มากกว่าหนึ่งครั้ง เพราะจะได้ช่วยลดดอกเบี้ยให้ถูกไปกว่าเดิม

จุดเด่น

  • เพิ่มสภาพคล่องการเงินให้กับคุณ
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
  • ลดดอกเบี้ยให้น้อยลงกว่าเดิม

ตัวอย่างในการรีไฟแนนซ์บ้านครั้งที่ 1

บ้านราคา 3 ล้านบาท ผ่อนในระยะเวลา 30 ปี ต้องจ่ายดอกเบี้ย 4 ล้านบาท รวมราคาบาททั้งหมดแล้วจะอยู่ที่ 7 ล้านบาท แต่ถ้าหากรีไฟแนนซ์บ้าน 3-4 รอบ จะเหลือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 2ล้านบาท และอาจจะผ่อนในระยะเวลาที่สั้นกว่า แค่ประมาณ 17-18 ปี

วิธีการขอรีไฟแนนซ์บ้านครั้งที่ 2

1. เลือกธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลของแต่ละธนาคาร โปรโมชั่น ดอกเบี้ย เงื่อนไข และเปรียบเทียบธนาคารที่เหมาะสมกับคุณให้มากที่สุด

2. เตรียมเอกสารในการยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน หลังจากที่เราศึกษาข้อมูลของแต่ละธนาคารแล้วนั้น เราควรจะต้องเตรียมเอกสารที่สำคัญให้พร้อม เช่น เอกสารข้อมูลส่วนตัว เอกสารรายได้ เอกสารหลักประกัน เป็นต้น เพื่อจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด

3. สอบถามยอดหนี้คงเหลือ และนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า เมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้เราไปสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า เพื่อให้ธนาคารใหม่และธนาคารเก่าสามารถโอนหนี้ให้กันได้อย่างถูกต้อง

4. ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ ปกติแล้วหลังจากที่ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์พร้อมส่งเอกสารเรียบร้อย ธนาคารจะทำการนัดหมายเพื่อส่งคนมาประเมินราคาหลักประกัน และใช้เวลาพิจารณาอนุมัติประมาณ 2-4 สัปดาห์

“การรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำได้มากกว่าหนึ่งครั้ง เพื่อจะได้ลดอัตราดอกเบี้ย”

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน

รีไฟแนนซ์บ้าน เป็นสิ่งที่คนผ่อนบ้าน เพราะถือเป็นตัวช่วยให้ชีวิตดีขึ้น อย่างน้อย ๆ 3 เรื่องด้วยกัน

1. ลดดอกเบี้ย เพราะช่วง 1–3 ปีแรก ของสัญญากู้เป็นช่วงที่ผู้กู้ได้ดอกเบี้ยต่ำ หลังจากนั้นดอกเบี้ยจะสูงขึ้น คนส่วนใหญ่จึงมักขอรีไฟแนนซ์ไปกู้ธนาคารอื่นเมื่อผ่อนกับธนาคารเดิมจนพ้นเงื่อนไขค่าปรับรีไฟแนนซ์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ 3–5 ปี

2. ลดค่าผ่อน สัญญากู้บ้านมักผ่อนชำระได้นานที่สุด 30 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาผ่อนแล้วต้องไม่เกิน 60–75 ปี ดังนั้นหากการรีไฟแนนซ์นั้นทำตอนอายุไม่ถึง 30–45 ปี จะช่วยให้ยอดผ่อนแต่ละเดือนน้อยลงได้

3. เพิ่มวงเงินด้วยยอดหนี้ที่ลดลงและราคาประเมินของบ้าน หรือคอนโดที่สูงขึ้น เป็นไปได้ว่าวงเงินกู้ครั้งใหม่ที่ธนาคารให้จะสูงกว่าหนี้คงค้างเดิม ซึ่งผู้กู้สามารถนำวงเงินส่วนต่างนั้นมาใช้ประโยชน์ได้

กรณีบ้านไม่มีภาระแล้ว รีไฟแนนซ์บ้านวิธีนี้จะได้ต้นทุนถูกที่สุด ประมาณ 4-5% แตกต่างจากกรณีเรามีภาระผ่อนชำระอยู่แล้วขอกู้เพิ่ม ส่วนกู้เพิ่มมักถูกคิดอัตราดอกเบี้ยอุปโภคบริโภค ซึ่งอยู่ประมาณ 12-15%

ข้อควรระวังในการรีไฟแนนซ์บ้าน

1. ควรคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรีไฟแนนซ์ให้ดี ฉะนั้นการรีไฟแนนซ์อาจจะไม่คุ้มค่า
2. MLR แต่ละธนาคารไม่เท่ากัน การเปรียบเทียบดอกเบี้ยหลังหมดโปรโมชั่นเช่น MLR-1 ของแต่ละธนาคารจึงไม่เท่ากัน
3. บางธนาคารท่านสามารถต่อรองดอกเบี้ยหลังหมดโปรโมชั่นได้ นั่นคือท่านอาจจะไม่จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์ก็ได้
4. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์บางธนาคาร มีโปรโมชั่นเช่น ฟรีจดจำนอง (แต่จะรวมอยู่ในดอกเบี้ย ) เหมาะสำหรับท่านที่ไม่สะดวกเตรียมค่าจดจำนอง(1%)ในวันที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์
5. ประกันภัยชีวิตประเภทต่างๆที่ธนาคารขายคู่กับสินเชื่อเป็นเรื่องสามารถต่อรองได้ ควรเลือกที่เหมาะสมกับท่าน
6. การรีไฟแนนซ์ระยะดอกเบี้ยโดยปกติจะประมาณ 3 % แต่บางธนาคารจะสูงถึง 5% ท่าต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วน

คำแนะนำจาก Tadoo

สิ่งที่สำคัญคือ ภาระหนี้ระยะยาว คืออัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยของท่านไม่ได้เป็นแบบคงที่ตลอดอายุสัญญา ท่าควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดสม่ำเสมอ และควรติดตามแนวโน้มระยะ 2- 3ปี หากมีแนวโน้มสูงขึ้นมากๆ การรีไฟแนนซ์ถึงแม้ต้องมีอัตราค่าปรับในการรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด บางครั้งก็คุ้มค่า

ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ

ประเภทของสินเชื่อ

คู่มือยอดนิยมสำหรับสินเชื่อ