เมื่อพูดถึงการเสียชีวิตหรือการสูญเสียอวัยวะเป็นเหตุการณ์น่าเศร้าที่ใครหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกับตนเอง หรือกับบุคคลที่รัก แต่ด้วยกับปัจจัยเสี่ยงหลาย ๆ อย่างในการดำรงชีวิตปัจจุบัน ทั้งปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ อุบัติเหตุ อันส่งผลถึงชีวิตและการดำเนินชีวิต เราจึงควรเตรียมรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ การซื้อประกันชีวิตไว้จะช่วยผ่อนหนักให้กลายเป็นเบาได้
ประกันชีวิตในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ แต่จุดร่วมที่มีเหมือน ๆ กันคือ การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันเมื่อเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ โดยเงื่อนไขทางประกันภัย คือ เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตลงไม่ได้มาจากข้อยกเว้นในการเคลมประกัน จะได้รับเงินชดเชยตามข้อสัญญา หรือถ้าสูญเสียอวัยวะต้องมาจากความป่วยไข้หรือบาดเจ็บ จนไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันต่อได้ ประกันอาจพิจารณายกเลิกการจ่ายเบี้ยประกันที่เหลือ
มาดูกันว่าพิการทุพพลภาพแบบไหนบ้างที่เข้าเกณฑ์ของประกันชีวิต
– สูญเสียสายตาทั้ง 2 ข้าง
– สูญเสียมือ 2 ข้าง หรือ เท้า 2 ข้าง หรือ มือ 1 ข้าง และเท้า 1 ข้าง
– สูญเสียสายตา 1 ข้าง และสูญเสียมือ 1 ข้าง หรือ สูญเสียสายตา 1 ข้าง และสูญเสียเท้า 1 ข้าง
กรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ผู้ทำประกันจะได้ประโยชน์ตรงที่ได้รับยกเว้นการจ่ายเบี้ยประกัน แต่จะยังได้รับความคุ้มครองตามปกติจนกว่ากรมธรรม์จะสิ้นสุดตามกำหนด
ขั้นตอนการเช็คเบี้ยประกันชีวิตแบบคุ้มครองเมื่อทุพพลภาพออนไลน์สามารถทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ อายุ และรายละเอียดในการติดต่อกลับ
วันที่เริ่มต้นกรมธรรม์, วงเงินคุ้มครอง พร้อมตรวจสอบระยะเวลาและความคุ้มครอง
เปรียบเทียบราคาจากแต่ละบริษัท และเงื่อนไขความคุ้มครองที่ตรงใจคุณ
7,245 รีวิว
การเสียชีวิตของคนเรามักเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ละสาเหตุนั้นอาจมีเงื่อนไขการได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งสาเหตุการเสียชีวิตออกเป็น 3 สาเหตุหลักดังนี้
ได้เงินชดเชยเมื่อมีการเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บนั้น ส่วนใหญ่ผู้ทำประกันอาจต้องซื้อประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงควบคู่กับสัญญาประกันชีวิต แต่ยังมีเงื่อนไขที่ได้รับความคุ้มครองในกรณีการเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ประกันชีวิตผู้สูงอายุ เป็นต้น
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เป็นความคุ้มครองหลักของประกันชีวิตผู้ซื้อประกันภัยสามารถเลือกระดับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตได้หลากหลายโดยเบี้ยประกันภัยจะเป็นไปตามทุนประกันภัยที่เลือก
การเสียชีวิตโดยการฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ หรือถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตาย จะไม่ได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกัน แต่อาจจะได้เงินเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้วคืน หรือจำนวนเงินที่มีการต่อประกันเท่านั้น
จ่ายเบี้ยประกันชีวิตแค่ปีละครั้ง แต่ได้รับการคุ้มครองชีวิตได้ตลอดทั้งปี คุ้มกว่าเห็นๆ
Top tip: ปัจจุบันมีแผนประกันที่ครอบคลุมถึงกลุ่มคนอายุมากกว่า 60 ปี เช่น ประกันชีวิตผู้สูงอายุ และยังมีแผนประกันกลุ่มผู้สูงอายุโดยเฉพาะอีกด้วย
คุณนพพล – ผู้ใช้งานจากทางบ้าน
ข้อยกเว้นความคุ้มครอง ไม่คุ้มครองการสูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิตที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องมาจากสาเหตุ
1.ผู้รับประโยชน์ฆ่าผู้เอาประกันตาย
2.ผู้เอาประกันฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย
การตายจาก 2 ข้อด้านบน บริษัทประกันชีวิตจะคืนเบี้ยประกันที่จ่ายมาให้ทั้งหมด แต่จะไม่จ่ายเงินเอาประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
3.การทำร้ายร่างกาย หรือ พยายามทำร้ายร่างกายตนเอง
4. การกระทำขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา หรือ สารเสพติดให้โทษร้ายแรงจนไม่สามารถครองสติได้ เป็นต้น
*ควรศึกษาข้อยกเว้นเพิ่มเติมจากกรมธรรม์ที่เลือกซื้ออีกครั้ง
ประกันชีวิตมีมากมายหลายรูปแบบซึ่งแต่ละแบบจะมีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกันออกไป โดยเบื้องต้นประกันชีวิตจะมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่
เป็นแผนประกันที่คุ้มครองยาวนานสุด บางบริษัทถึง 90 ปี บางบริษัทถึงอายุ 99 ปี ถ้าเสียชีวิตก่อนครบสัญญา ผู้รับผลประโยชน์จะได้เงินเอาประกัน
รับเงินชดเชยเมื่อได้รับบาดเจ็บที่ส่งผลให้ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ประกอบอาชีพไม่ได้
เบี้ยประกันถูก จะคุ้มครองแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเสียชีวิตในเวลานั้น จะได้รับเงินคืนตกแค่ผู้รับผลประโยชน์ แต่ถ้าครบกำหนดสัญญาแล้วไม่เสียชีวิต จะไม่ได้เงินคืน
ประชีวิตที่คุ้มครองผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินค่าสินไหมกรณีเสียชีวิต สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานได้
เงื่อนไขการได้รับเงินชดเชยและเบี้ยประกันเป็นสิ่งจำเป็นมากที่จะต้องพิจารณาเมื่อจะซื้อประกันชีวิต แต่หากเราสามารถเลือกประกันที่ราคาถูกและได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าได้ด้วยแล้วก็จะดียิ่งขึ้น และจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าเลือกซื้อกับบริษัทประกันชีวิตที่น่าเชื่อถือ บริการดีตั้งแต่ซื้อ ระหว่างความคุ้มครอง ไปจนถึงการเคลมประกัน มารู้จักกับวิธีซื้อประกันกับบริษัทเบื้องต้นว่าควรพิจารณาอะไรบ้าง
1.มีกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ
แต่ละบริษัทประกันชีวิตก็จะคิดแผนประกันชีวิต วงเงินความคุ้มครองที่แตกต่างเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลายให้ได้มากที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดของการเลือกซื้อประกันชีวิต คือเลือกกรมธรรม์ที่ตรงกับความต้องการของเรา ถามตัวเองง่าย ๆ ต้องการให้ประกันคุ้มครองเราในด้านไหนบ้าง
2. มีความเชี่ยวชาญในการดูแลลูกค้า
บริษัทที่มีนโยบายการบริหารงานที่น่าเชื่อถือได้จากผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ มองเห็นความต้องการของผู้บริโภค โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
3. มีสาขาที่ครอบคลุมทั่วพื้นที่
เพื่อความสะดวกในการติดต่อดำเนินการ อีกทั้งจะทำให้มั่นใจว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็จะสามารถเรียกเจ้าหน้าที่ประกันชีวิตมาหาได้ทันท่วงที
4.บริษัทมีการอบรมบุคลากรเสมอ
ทางบริษัทต้องมีโปรแกรมการอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรในบริษัทเพื่อที่บุคลากรจะได้มีข้อมูลในการให้บริการและให้คำปรึกษากับลูกค้าได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
5.มีราคาที่เป็นธรรม
การคำนวณเบี้ยประกันภัยควรคำนวณอยู่บนหลักสถิติที่ถูกต้อง ไม่ควรหาประโยชน์โดยการคิดเบี้ยประกันจนผู้ซื้อประกันเสียเปรียบ
6.การรีวิวบริษัท
สมัยนี้อินเทอร์เน็ตแพร่หลาย มีช่องทางสนทนามากมายที่ผู้คนมาแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ โดยเฉพาะการรีวิวการใช้บริการของบริษัทประกันชีวิตต่าง ๆ ก่อนเลือกซื้อควรสำรวจเสียงในเน็ตเบื้องต้นว่าบริษัทประกันชีวิตที่เราเล็ง ๆ ผู้ซื้อประกันก่อนหน้ามีความประทับใจไปในทิศทางไหน
เหตุผลหลัก ๆ ในการทำประกันภัยก็เพื่อได้รับเงินเยียวยาหลังจากการเสียชีวิต โดยเฉพาะจากโรคภัยไข้เจ็บ ประกันที่เข้าข่ายให้ได้รับผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิตคือ ประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรงซึ่งดูแลโรคร้ายโดยเฉพาะ
เสียชีวิตจากเหตุไม่คาดฝัน แนะนำทำประกันอุบัติเหตุ สำหรับผู้สูงวัย แนะนำทำประกันชีวิตผู้สูงวัย เน้นผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
จำเป็นที่ผู้ทำประกันภัยแจ้งแก่บริษัทประกันเพื่อขอแก้ไขข้อมูลผู้รับประโยชน์แทน
บริษัทจะไม่จ่ายเงินชดเชยกรณีผู้ทำประกันเสียชีวิต แต่ผู้รับประโยชน์สามารถเรียกรับเงินคืนเท่ากับเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้ว